เมตาเวิร์ส (metaverse) คืออะไร ทำไม Facebook ถึงมองว่าเป็นอินเทอร์เน็ตในอนาคต
*** เข้าร่ามกลุ่ม Community Metaverse ได้ที่ Metaverse Thai Club ***
บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่กล่าวว่า เมตาเวิร์ส (metaverse) หรือ จักรวาลเสมือนจริงนั้นใกล้เข้ามาแล้ว
ภาพยนตร์ไซไฟปี 2018 เรื่อง “Ready Player One” ได้นำเสนอให้เห็นภาพรวมว่าบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่ง คาดการณ์ว่านี้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงของโลกอินเทอร์เน็ตครั้งยิ่งใหญ่
แรงบันดาลใจจากนวนิยาย Ernest Cline novel ปี 2011 ภาพยนตร์เรื่อง “Ready Player One” จะเล่าเรื่องของ “เวด วัตต์” (Wade Watts แสดงโดย Tye Sheridan) ชายหนุ่มผู้ที่อยากจะหนีความวุ่นวายในสังคมโลกอนาคตที่มีประชากรหนาแน่น และมลภาวะเป็นพิษ เขาได้กระโดดเข้าสู่โลกของเกมออนไลน์ระบบ VR ที่ชื่อว่า ‘The Oasis’ เป็นโลกที่ล้ำจินตนาการอย่างถึงที่สุด จะเป็นอะไรก็ได้ จะทำอะไรก็ได้ที่ไม่ขัดกับกฎของเกม เป็นโลกที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและอิสระโดยจะต้องส่วมแว่นตาซึ่งชวนให้นึกถึงแว่นตา VR ที่มีอยู่ในโลกความเป็นจริง
หนึ่งในบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ กล่าวว่าวันหนึ่งในไม่ช้า จักรวาลเสมือนจริงนั้นใกล้เข้ามาแล้ว : แต่แทนที่จะเป็นโลก Oasis เหมือนในหนัง แต่พวกเขาได้เรียก จักรวาลเสมือนนี้ว่า Metaverse
Facebook บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านโซเชียลมีเดียได้ออกมาประกาศว่ามีการลงทุนอย่างหนักในแผนก Reality Labs ของบริษัท คาดว่าจะเปลี่ยนชื่อทันทีเพื่อสะท้อนถึงความแน่วแน่ของบริษัทที่มีต่อ Metaverse คุณ Mark Zuckerberg กล่าวว่า Facebook ควรเป็นที่รู้จักในนาม “บริษัท metaverse” ในการเรียกรายได้ในเดือนกรกฎาคม เป้าหมายที่ Mark Zuckerberg ต้องการที่จะดึงดูดผู้ใช้ใหม่ด้วยชุดแว่น VR ราคาถูก
ทั้งนี้ Facebook ก็ได้รีแบรนด์ชื่อบริษัทเป็น “Meta” ในวันที่ 29 ต.ค. 64 ประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Meta เรียบร้อย เพื่อสะท้อนวิสัยทัศน์บริษัทสู่การเป็นแพลตฟอร์ม Metaverse โดยการเปลี่ยนแปลงนี้มีผลเฉพาะชื่อบริษัทเท่านั้น ตัวผลิตภัณฑ์ Facebook จะยังใช้ชื่อเดิม
Metaverse นั้นแตกต่างจากความเป็นจริงเสมือนในปัจจุบัน (VR ในปัจจุบัน) โดยที่ชุดแว่น VR ในปัจจุบันนั้นมีน้ำหนักมากเกินไปและมีโอกาสน้อยมากที่จะได้เล่นข้ามแพลตฟอร์มกับผู้เล่นอื่นๆในแพลตฟอร์มนั้นๆ แทนที่จะเป็นเช่นนั้น แว่น VR ของ Facebook นั้นมีน้ำหนักที่เบากว่าและ metaverse จะกลายเป็นพื้นที่ไซเบอร์ของชุมชนขนาดใหญ่ที่เชื่อมโยงความเป็นจริงกับความเป็นจริงเสมือนเข้าด้วยกันทำให้อวาตาร์ของเราในโลกเสมื่อนสามารถกระโดดจากกิจกรรมหนึ่งไปอีกกิจกรรมหนึ่งได้อย่างราบรื่น
Facebook ไม่ใช่บริษัทเดียวที่เดิมพัน metaverse อย่างหนัก
Microsoft กล่าวว่าด้วยกองปัญญาประดิษฐ์และเครื่องมือผสมผสานความเป็นจริงของ Microsoft จะช่วยให้บริษัทต่างๆ เริ่มพัฒนา “แอป metaverse” บริษัทเกมหลายแห่ง รวมถึง Epic Games เจ้าของเกม Fortnite เกม Battle royale ชื่อดังได้เปิดตัวซอฟต์แวร์จำลองสถานการณ์และบริการ VR สำหรับ metaverse อีกด้วย
เมตาเวิร์ส (metaverse) คืออะไร
เมตาเวิร์ส (metaverse) คำนี้ได้รับการประกาศเกียรติคุณจากนักเขียน Neal Stephenson ในนวนิยายดิสโทเปียเรื่อง “Snow Crash” ในปี 1992 ในนั้น metaverse หมายถึงสภาพแวดล้อมดิจิทัลที่ดื่มด่ำซึ่งผู้คนใช้ร่างอวตารโต้ตอบกัน บริษัทเทคโนโลยีได้ใช้คำนี้เพื่ออธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคตของโลกอินเทอร์เน็ต
Metaverse เป็นแนวคิดแห่งอนาคตโดยใช้ VR (Virtual Reality) และ AR (Augmented Reality) เพื่อให้ผู้ใช้จะมีชีวิตอยู่ ทำงาน ออกกำลังกาย หรือทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกับคนอื่นภายในจักรวาลเสมือนจริง
จะดีแค่ไหนหากเราสามารถสัมผัสประสบการณ์ดูคอนเสิร์ต เดินช้อปปิ้ง หรือเที่ยวต่างประเทศได้แบบสมจริง แม้ว่าตัวจะอยู่ที่บ้าน หรือแม้กระทั่งสามารถเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของเกมที่เราเล่น
แม้ว่าจะมีแอปพลิเคชันหลายรายที่สามารถ Video Call หรือพูดคุยกันแบบเห็นหน้าได้ แต่ต้องยอมรับว่าเราไม่สามารถมีปฏิสัมพันธ์กันได้เหมือนกับเจอกันจริงๆ แต่ Metaverse จะทำให้เราได้พบปะและทำกิจกรรมร่วมกันบนโลกเสมือนจริง
metaverse ทำงานอย่างไร?
ในทางทฤษฎี คุณจะต้องเข้าสู่ระบบ metaverse เหมือนกับการเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ต และจะต้องใช้จอแสดงผลแบบสวมศีรษะ ไม่ใช่หน้าจอคอมพิวเตอร์ เพื่อการติดตามการเคลื่อนไหวของร่างกายด้วยอุปกรณ์บางชนิด เช่น สายรัดข้อมือของ Facebook เพื่อคว้าสิ่งของใน metaverse นั้นเอง
เพื่อเป็นจักรวาลที่สมบูรณ์ ไม่มีบริษัทใดเป็นเจ้าของ metaverse ได้ เช่นเดียวกับที่ไม่มีใครเป็นเจ้าของอินเทอร์เน็ต แต่บริษัทต่างๆ อาจพยายามผูกขาด metaverse ของตน เช่นเดียวกับบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่เพียงไม่กี่แห่งที่ครองเนื้อหาออนไลน์ในปัจจุบัน บริษัทต่างๆ สามารถทำได้ในลักษณะเดียวกับที่พวกเขาทำเงินจากแอปผ่านบริการสมัครสมาชิก ตะกร้าสินค้า และการโฆษณา เช่น Netflix (เจ้าพ่อวงการสตรีมมิง) amazon (อีคอมเมิร์ซอันดับ 1 ในอเมริกา) เป็นต้น
Denise White ผู้ก่อตั้ง Blank XR บริษัทเทคโนโลยีกล่าว
“เมื่อคุณสวมแว่นตา AR ของคุณ และทันใดนั้นคุณก็เห็นโฮโลแกรมเหล่านี้เดินไปมาทั่วโลก เมื่อนั้นคุณก็จะรู้ว่าตอนนี้คุณได้อยู่ใน metaverse แล้ว”
ด้วยอุปกรณ์มากมายที่บริษัทต่างๆ นำเสนอ จึงไม่มีความชัดเจนที่ว่าอวาตาร์ตัวเดียวจะสามารถย้ายไปมาระหว่างกันได้ แต่อย่างไรก็ตามมีทฤษฎีหนึ่งคือ metaverse จะรับสัญญาณจากเว็บเบราว์เซอร์ เช่นเดียวกับที่คุณสามารถสลับไปมาระหว่างเว็บไซต์บนสมาร์ทโฟนของคุณได้ง่ายๆ อวาตาร์ของคุณอาจข้ามไปมาระหว่างแพลตฟอร์มที่สร้างขึ้นเพื่อให้เข้ากันได้” Daniel Liebeskind ซีอีโอของ Topia แพลตฟอร์มวิดีโอแชทกล่าว
“เมตาเวิร์สควรเป็นหน้าที่ของเทคโนโลยี BACK END และ FRONT END ที่ทำงานร่วมกันได้ดี” Liebeskind กล่าว
ใครจะเป็นมหาอำนาจด้าน Metaverse ?
บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่หลายแห่งกำลังไล่ตาม metaverse กันอย่างแข่งขัน
Facebook : ซื้อ Oculus หรือบริษัทที่รู้จักกันในนามผู้ผลิตแว่นตา Virtual Reality อันโด่งดัง ในปี 2014 คุณ Mark Zuckerberg กล่าวในแถลงการณ์ในขณะที่ สังคมออนไลน์กำลัง “เตรียมพร้อมสำหรับแพลตฟอร์มแห่งอนาคต” ไม่นานมานี้ Facebook ได้เปิดตัวกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่เพื่อสร้างพื้นที่โซเชียล 3 มิติใหม่พร้อมทั้ง ประกาศเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น Meta เรียบร้อย ในวันที่ 29 ต.ค. 64 เพื่อสะท้อนวิสัยทัศน์บริษัทสู่การเป็นแพลตฟอร์ม Metaverse
Satya Nadella : CEO ของ Microsoft กล่าวว่าบริษัทกำลังทำงานเพื่อสร้าง “องค์กร metaverse”
Epic Games : กล่าวว่าได้ระดมทุน 1 พันล้านดอลลาร์เพื่อใช้ในแผน metaverse Nvidia ยักษ์ใหญ่ด้านการประมวลผลและแพลตฟอร์มเกม Roblox ก็ได้ทำงานร่วมกัน
Spatial:ได้เปิดตัวแอพ AR ใช้งานฟรี ซึ่งช่วยให้แสดงอวาตาร์ที่ปรากฏอยู่ในสภาพแวดล้อมจริงของผู้ใช้
Snapchat:ได้ดำเนินไปในทิศทางเดียวกันนี้มาหลายปีแล้ว โดยนำอวาตาร์และฟิลเตอร์แบบกำหนดเองที่ซ้อนทับโลกจริง
Magic Leap : เป็นหนึ่งในบริษัท แรกสุดที่ดึงดูดความสนใจในการเปิดตัว Reality app ในปี 2554
แต่ก็ยังมีที่ว่างสำหรับสตาร์ทอัพ เนื่องจากโลกดิจิทัลต้องการเนื้อหา เครื่องมือ และสถานที่มากมายเพื่อให้ผู้คนได้มีส่วนร่วมมากขึ้น
metaverse จะเกิดขึ้นจริงหรือ?
ยังไม่แน่ชัดมากนัก ในขณะที่ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีทำให้ชุดแว่น VR ที่ทำให้น้ำหนักเบาลงและมีราคาที่ไม่แพงมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่อุปกรณ์ดังกล่าวส่วนใหญ่ใช้โดยกลุ่มเฉพาะกลุ่ม(เกมเมอร์) และเกมเมอร์ส่วนใหญ่ยังไม่มีระบบ VR เพียง 29 เปอร์เซ็นต์ของผู้เล่น 169 ล้านคนในสหรัฐอเมริกากล่าวว่าพวกเขาเป็นเจ้าของเกมจาก VR Entertainment Software Association
Benedict Evans นักวิเคราะห์ด้านเทคโนโลยีและอดีตหุ้นส่วนของบริษัทร่วมทุน Andreessen Horowitz กล่าวว่า
“ในขณะนี้ VR ยังใช้งานส่วนใหญ่อยู่กับเกมคอนโซล และยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าจะนำมาใช้ได้ในอนาคต”
“กลุ่มคนเล่นเกมเป็นกลุ่มขนาดใหญ่ และมีคนหลายร้อยล้านคน แต่ไม่ใช่สำหรับผู้คนหลายพันล้านคน ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย”
ทั้งนี้ต้องให้เวลาเป็นตัวตัดสิ้นอนาคตของ metaverse กันอีกที แต่รู้เอาไว้ก่อนเพื่อเป็นประโยชน์ในวันข้างหน้า
เข้าร่ามกลุ่ม Community Metaverse ได้ที่ Metaverse Thai Club
