Bitcoin มีสัญญาณบวกมากขึ้นเรื่อย ๆ และเทรนด์ขาขึ้นดูเหมือนจะเป็นจริงมากขึ้น
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เหตุการณ์ที่เรียกว่า Halving เกิดขึ้นกับเครือข่าย Bitcoin (BTC) เหตุการณ์ Halving เกิดขึ้นครั้งแรกในปี 2012 เหตุการณ์ครั้งที่สองเกิดขึ้นในปี 2016 และเหตุการณ์ครั้งที่สามกำลังจะเกิดขึ้นเร็ว ๆ นี้ เช่นเดียวกันกับเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ มันเป็นเหตุการณ์ที่รางวัลขุดต่อบล็อกลดลงครึ่งหนึ่ง เริ่มแรกรางวัลต่อบล็อกเท่ากับ 50 BTC หลังจากนั้นลดลงเป็น 25 และ 12.5 BTC และกำลังจะลดลงเหลือ 6.75 BTC
เหตุการณ์ Halving ที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกครั้งนั้น แตกต่างจากเหตุการณ์ในอดีต เนื่องจากผู้คนจำนวนมากเข้ามามีส่วนร่วมในวงการคริปโตแล้ว มีโอกาสใหม่ ๆ เกิดขึ้นมากมาย รวมถึงผู้เล่นรายใหญ่เข้ามาเก็งกำไรในราคา Bitcoin มีผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ผู้เล่นรายใหญ่สามารถเข้ามาลงทุนได้ไม่ว่าจะเป็น สัญญา futures และ options ก็ตามที นอกจากนี้ การรับรู้ต่อคริปโตเคอร์เรนซีเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ แม้แต่ผู้ที่ไม่เคยสนใจสกุลเงินดิจิทัลก็หันมาเรียนรู้เกี่ยวกับ Bitcoin มากขึ้น
ในระยะยาว เหตุการณ์ Halving ดังกล่าว จะมีผลต่อราคาสกุลเงินดิจิทัลหรือไม่ขึ้นกับอัตราแฮช (hash rate) ทั้งนี้ ราคา Bitcoin และอัตราแฮช (hash rate) มีความสัมพันธ์กัน ยิ่งอัตราแฮชสูง บล็อกใหม่ขุดยากขึ้น และ Bitcoin เข้าสู่ตลาดน้อย ในทางตรงกันข้าม หากอัตราแฮชลดลงเป็นผลดีต่อนักขุด เนื่องจากทำให้พวกเขามีรายได้จาก BTC มากขึ้น อย่างไรก็ตามพวกเขาต่างก็ทำภารกิจเดียวกัน พวกเขาต้องแข่งขันกันเองกับคนอื่น ๆ
ในระยะสั้น อัตราแฮชของเครือข่ายจะลดลง เนื่องจากอุปกรณ์รุ่นเก่าของนักขุดถูกถอดปลั๊กออกไป ราคาค่าไฟฟ้าในปัจจุบันก็ยากที่จะทำกำไรได้อีกต่อไป สิ่งนี้เคยคิดขึ้นมาแล้วกับเครือข่ายBitcoin ในช่วงเหตุการณ์ Halving ในครั้งแรกและครั้งที่สอง ในครั้งแรก BTC hash rate ลดลง และ BTC rate เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ อย่างที่เราเคยเห็นมาแล้วก่อนหน้านี้ การเคลื่อนไหวขาขึ้นเริ่มเกิดขึ้นชัดเจนหลังจากเหตุการณ์ Halving และใช้เวลานานหลายเดือน
ประมาณหนึ่งปี นักขุดต้องการเปลี่ยนอุปกรณ์ทางเทคนิคใหม่ ซื้ออุปกรณ์ใหม่ เครื่องขุดที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม นักขุด Bitcoin จึงปรับปรุงประสิทธิภาพเครือข่ายไปพร้อม ๆ กัน ทำให้จำนวน BTC ที่เกิดขึ้นใหม่ในตลาดและอัตราแฮชลดลง หลังจากนั้นเริ่มเห็นนักขุดเริ่มถือครองสกุลเงินดิจิทัลเพื่อรอให้ราคาสูงขึ้นเท่าที่จะเป็นไปได้ สิ่งนี้เองทำให้ราคาพุ่งสูงขึ้นในกราฟราคา Bitcoin นั่นเอง
การคาดการณ์เหตุการณ์ Halving มีผลเชิงจิตวิทยาเช่นกัน เนื่องจากตลาดคริปโตเคอร์เรนซีและตลาดแบบดั้งเดิมมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน ตลาดต่างร่วงหนักในช่วงโคโรนาไวรัสระบาดหนักส่งผลให้สกุลเงินดิจิทัลร่วงทุกตัว อย่างไรก็ตาม Bitcoin ปรับตัวขึ้นมีประสิทธิภาพดีกว่า S&P 500, SSE Index, Nikkei และแม้กระทั่งทองคำ ประเด็นเรื่องโคโรนาไวสยังคงพาดหัวข่าวบนสื่อหน้าหนึ่ง ทั้งนี้ เหตุการณ์ Halving เริ่มเป็นประเด็นขึ้นมาและได้รับความสนใจมากขึ้น ข้อมูลจาก Google Trends บ่งชี้จัดเจนว่า ผู้คนกำลังค้นหาเรื่องนี้อย่างแข็งขัน เหตุการณ์นี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเกิดสัญญาณเป็นบวก และหากไม่ใช่เร็ว ๆ นี้ มันก็จะส่งผลดีในอนาคตอันใกล้อย่างแน่นอน
มีสัญญาณที่ Bitcoin กำลังถูกเลือกแทนที่สกุลเงินตรามากขึ้น ทั้งนี้งานวิจัย Bitcoin Investment Trust ของ Grayscale และการวิเคราะห์อื่น ๆ ระบุเอาว่า นักลงทุนหน้าใหม่ที่ไม่เคยได้ยินเกี่ยว Bitcoin halving มาก่อน พวกเขาจะกังวลแตกต่างกันไป คุณ Jerome Powell ผู้ว่าการ Federal Reserve บอกว่า เงินนั้น “มีจำนวนไม่จำกัด” ประธานาธิบดี Donald Trump สัญญาว่าจะพิมพ์เงินล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อสู้เอาชัยชนะโคโรนาไวรัสให้ได้ สถาบันทางการเงินกำลังลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลมากขึ้น Grayscale ซึ่งจัดการ Grayscale Bitcoin Trust รายงานว่า 88% ของการลงทุนในไตรมาสแรก ปี 2020 มาจากนักลงทุนสถาบัน ในแง่ของการวิเคราะห์เชิงเทคนิคBitcoin ก็ค่อนข้างเป็นบวกเช่นกัน แนวต้านสามระดับก็ผ่านเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน ไปแล้ว (EMA 200-day) และราคาอยู่แนวเส้น 0.618 Fibonacci การยืนเหนือระดับราคา $10,500 ไปได้ อาจจะกลายเป็นเทรนด์ขาขึ้นของตลาดกระทิงอีกครั้ง
ที่มา : cointelegraph.com
——————————————————–
สนับสนุนโดยกลุ่ม Coin Thai Talk : https://www.fb.com/groups/CoinThaiTalk/ กลุ่มใหม่ของคนรักคริปโต
