คุณไม่ได้เข้าร่วมงาน BlockShow Asia ในปีนี้ใช่ไหม? ไม่ต้องกังวลไป ทาง Cointelegraph ได้ไฮไลต์ประเด็นสำคัญ ๆ จากงาน BlockShow Asia 2019 เมื่อวันที่ 14-15 พฤศจิกายน มาให้แล้ว
Cointelegraph เป็นเจ้าภาพจัดงานประชุม BlockShow โดยเชิญบุคคลที่มีชื่อเสียงในวงการคริปโตเข้าร่วมอย่างคับคั่ง อาทิ Changpeng Zhao ซีอีโอ Binance หรือรู้จักกันในชื่อ CZ, Julian Gordon รองประธาน Hyperledger APAC เป็นต้น
หนึ่งในช่วงเวลาที่โดดเด่นน่าประทับใจ ก็คือ CZ ขึ้นบนเวทีมาพร้อมกับ Lil Bubble นักร้องชื่อดัง ภายหลังทราบกันดีว่าเป็นแฟนคริปโตตัวยง และร้องเพลงสด “All-Time Lows” และ “Liquidated” บนเวที
CZ : สกุลเงินดิจิทัลของจีน จะขับเคลื่อนด้วยบล็อกเชน
Zhao แชร์มุมมองของเขาเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางจีน เขาคาดว่าระบบเงินหยวนดิจิทัล (Renminbi, RMB) จะเป็นเวอร์ชั่นทำงานบนบล็อกเชน ซึ่งจะช่วยขยายอิทธิพลสกุลเงินในทางเศรษฐกิจโลก
รัฐบาลจีนต้องการผลักดันให้ RMB มีอิทธิพลต่อโลก พวกเขาต้องการให้ RMB แข่งขันกับ US Dollar จึงจำเป็นต้องทำให้สกุลเงินนี้มีอิสระมากขึ้น
Julian Gordon รองประธานภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก (APAC) ในโครงการพัฒนาบล็อกเชนโอเพนซอร์ส Hyperledger ได้แชร์ความเชื่อมั่นของจีนในการส่งเสริมบล็อกเชน เขากล่าวว่า
สี จิ้นผิง สร้างปรากฏการณ์หลังจากประกาศ 10 วันต่อมา เหตุที่ฉันรู้เนื่องจากโทรศัพท์ของฉันที่วางอยู่บนโต๊ะ WeChat ของฉันเริ่มส่งเสียงพึมพำและไม่เคยหยุดนับตั้งแต่นั้นมา ”
มองอนาคตบล็อกเชนในวันข้างหน้า
ผู้เชี่ยวชาญในงาน BlockShow Asia 2019 ต่างเห็นว่า Bitcoin เป็นเพียงแค่คริปโตเคอร์เรนซีหนึ่ง แต่ Blochain นั้นเป็นเฟรมเวิร์กการเชื่อมโยงรูปแบบใหม่ (connectivity framework) วิทยากรที่เสวนาในหัวข้อ “Collaboration in a Decentralized Ecosystem: Why Government And Corporations Need It” ได้ให้ภาพรวมความจำเป็นที่รัฐบาลต้องใช้งานเทคโนโลยีบล็อกเชน
วิทยากรร่วมเสวนาอธิบายว่า นอกเหนือจาก Bitcoin แล้ว Blockchain สามารถเชื่อมโยงระบบนิเวศโดยการแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ด้วยความมั่นใจและอยู่ในรูปแบบของการกระจายศูนย์ Vinay Mohan กรรมการผู้จัดการ ConsenSys Singapore กล่าวว่า
เรากำลังพูดถึงเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่เหมาะสมที่สามารถเชื่อมโยงระบบนิเวศที่แตกต่างเข้าด้วยกันได้ ซึ่งเป็นโลกาภิบาลรูปแบบใหม่
ในเวทีเสวนาที่เน้นเรื่องการปรับสเกลบล็อกเชน (blockchain scalability) วิทยากรทุกคนต่างยอมรับว่าผู้คนมีทางเลือกระหว่างความสามารถในการขยายสเกล (scalability) กับการกระจายศูนย์ (decentralization) โดย Xinxi Wang ผู้ร่วมก่อตั้ง Litecoin Foundation กล่าวว่า
Litcoin นั้น เราเลือกการกระจายศูนย์ (decentralization) และความปลอดภัย (security) มากกว่าการขยายสเกล (scalability) เสมอ น่าเสียดายที่เราไม่สามารถทำทั้งสองได้ แต่เราพยายามค้นหาอะไรบางอย่างที่อยู่ตรงกลางแทน
Da Hongfei ผู้ร่วมก่อตั้ง NEO แพลตฟอร์มที่สนับสนุนสัญญาอัจฉริยะ (smart contract) ได้แชร์มุมมองของเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันเกี่ยวกับเว็บกระจายศูนย์ (decentralized web) ผู้ก่อตั้ง NEO เน้นปัญหาที่เกิดขึ้นจากการผูกขาด (monopoly) อำนาจรวมศูนย์ (centralization abuse) และจุดรวมของความล้มเหลว โดยเสนอว่าการกระจายศูนย์ (decentralization) เป็นทางออกของวิธีแก้ปัญหาดังกล่าว เขากล่าวว่า
มาตรฐานเหล่านี้จะต้องโปร่งใสและกระจายศูนย์ ความเป็นเจ้าของข้อมูลต้องกลับไปยังผู้ใช้งาน
น่าสังเกตว่า CZ เคยพบกับ Da Hongfei บนเวทีเสวนาครั้งแรกในเซี่ยงไฮ้ในปี 2014 ล่าสุดพวกเขาพบกันอีกครั้งบนเวทีในรอบห้าปีที่งาน BlockShow Asia 2019 ครั้งนี้
ขณะเดียวกัน Sopnendu Mohanty ประธาน FinTech Officer ขององค์การเงินตราแห่งประเทศสิงคโปร์ (Monetary Authority of Singapore, MAS) พูดถึงความสำคัญของบล็อกเชนต่อเศรษฐกิจ โดยเน้นความสำคัญของการพัฒนาการเงินสีเขียว (green finance)
ตามความเห็นของเขา บล็อกเชนต้องสามารถติดตาม ตรวจสอบได้ และการเงินที่เขาอ้างถึงนั้น เขาเรียกมันว่า“green assets” หรือ สินทรัพย์สีเขียว นั่นเอง
มุมมองเกี่ยวกับ Bitcoin และ Altcoin ต่าง ๆ
เมื่อพูดถึง Altcoin ต่าง ๆ Sunny Lu ผู้ก่อตั้ง VeChain กล่าวว่า มูลค่าโทเคนส่วนใหญ่ไม่สมเหตุสมผล (ไม่มีกฎเกณฑ์)
99% ของโทเคนเกี่ยวข้องกับการเก็งกำไร และไม่สร้างคุณค่าที่แกปัญหาสู่สังคมได้ สิ่งนี้ทำให้สตาร์ทอัพจำนวนมากเสียเวลาในการผลิตและขายโทเคน กำลังล้มเหลวในการพัฒนาโซลูชั่นตามจุดยืนเริ่มต้น
ขณะที่ Dr. Pavel Kravchenko ซีอีโอและผู้ร่วมก่อตั้ง Distributed Lab และผู้แต่งหนังสือ “Blockchain and Decentralized Systems” ได้แชร์มุมมองของเขาว่า การยอมรับ Bitcoin จากนักลงทุนสถาบันอาจทำให้ราคาBTC ล่มสลาย เขากล่าวว่า
Bitcoin เป็นเงินที่ต้านทานต่อการเซ็นเซอร์ (censorship resistant money) สกุลเงินแรกของโลก ฉันไม่เชื่อต่อการยอมรับของสถาบัน หากสิ่งนี้เกิดขึ้น Bitcoin ก็จะไม่สามารถต้านทานการเซ็นเซอร์ แล้วมันมันจะไม่มีคุณสมบัตินี้อีกต่อไป และจะล่มสลายกลายเป็นศูนย์
ในอีกแง่มุมหนึ่ง ในช่วงเสวนาหัวข้อ “Unlocking Yield In Cryptocurrency Assets — Encouraging Institutions To Enter The Industry” ผู้นำด้านคริปโตต่างแชร์ความเห็นของพวกเขาเกี่ยวกับวิธีการทำให้ฟินเทคเข้าสู่องค์กรทางการเงินกระแสหลัก
Justin Chow หัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจเอเชียจาก Cumberland กล่าวว่า ในที่สุดแล้ว สิ่งที่เขาเชื่อว่านักลงทุนสถาบันไม่อาจมองข้าม ก่อนกระโดดเข้าหาคริปโต นั่นคือ
การคุ้มครอง (Custody) สภาพคล่อง (liquidity) และกฎเกณฑ์ (regulation) กำกับดูแลต่าง ๆ เป็นสามเรื่องต้น ๆ ที่นักลงทุนสถาบันจะกระโดดเข้าหาคริปโต
ในขณะที่ส่วนใหญ่ในวงการคริปโตต่างเห็นด้วยกับการกำกับดูแล Mike Kayamori ผู้ร่วมก่อตั้ง Quoine กลับเตือนว่า
คริปโตกำลังอยู่ในช่วงของการพัฒนา และรัฐบาลพยายามควบคุมในสิ่งที่พวกเขายังไม่เข้าใจมันดีพอ…ฉันก็ชอบเรื่องการกำกับดูแลเช่นกัน แต่มันจำเป็นต้องดำเนินการอย่างระมัดระวังมาก
เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน Samson Mow ซีเอสโอ Blockstream กล่าวในช่วงเวทีเสวนาหัวข้อ “The progress of stablecoins — if any? Can I use it yet?” ว่า โทเคน Tether (USDT) เป็นที่ต้องการของนักลงทุนอย่างมาก แต่ยังไม่พบการใช้งานในการค้าปลีก
อย่างไรก็ตาม เขาเน้นย้ำว่า แม้โทเคน Tether จะได้เปรียบเหนือคู่แข่งขันในฐานะเป็นเหรียญแรก เขาก็คาดว่าคริปโตเคอร์เรนซีแห่งชาติจะทำให้เหรียญ stablecoin ต่าง ๆ เป็นเรื่องล้าสมัย เขายังเน้นย้ำอีกว่า
เหรียญ Stablecoin ต่าง ๆ มันเป็นสิ่งชั่วคราว มันอยู่ขั้นกลางที่จะนำไปสู่ Hyperbitcoinization ภัยคุกคามหลักของมันก็คือคริปโตเคอร์เรนซีแห่งชาติ เมื่อใดที่คริปโตเคอร์เรนซีแห่งชาติเกิดขึ้น?”…ก็ไม่มีเหตุผลที่ Stableoin จะดำรงอยู่กับคริปโตเคอร์เรนซีแห่งชาติอีกต่อไป
การอุบัติขึ้นของ Blockchain และ AI
งาน BlockShow ยังเสวนาในหัวข้อ “Stimulating Massive Network Effects in Decentralized AI Networks” อีกด้วย โดย Ben Goertzel ซีอีโอ SingularityNET แชร์ความเห็นเกี่ยวกับการอุบัติขึ้นของ blockchain กับ AI ว่า
ตามคำจำกัดความ Blockchain ก็คือ บัญชีแยกประเภท มีการกระจายศูนย์ แก้ไขไม่ได้ ใช้ในการเก็บข้อมูลที่ถูกเข้ารหัสไว้ ในทางกลับกัน AI เป็นเครื่องมือ หรือ ‘สมอง’ ที่ช่วยในการวิเคราะห์และการตัดสินใจจากข้อมูลที่รวบรวมไว้ ทว่า AI และ Blockchain ทั้งคู่ก็ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ได้รับประโยชน์ร่วมกันและช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้
นอกจากนี้ Goertzel ยังประกาศความร่วมมือครั้งใหม่ระหว่าง SingularityNet และ PayPal อีกด้วย
สุดท้าย งานเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันสตาร์ทอัพที่เรียกว่า Crypto Busters กับ 8 บริษัท หลังจากนั้นคณะกรรมการลงทุนตัดสินการประกวดแสดงความสนใจใน 6 สตาร์ทอัพเป็นพิเศษ ได้แก่ Hacken, GamerHash, Chainstuck, Keyless, Beatdapp และ Holdex
งาน BlockShow Asia 2019 ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทและองค์กรด้านคริปโตเคอร์เรนซีจำนวนนับโหล ได้แก่ NEO, Changelly, Bequant, Bluehelix, Crypto.com, Apay และ NGC Ventures เป็นต้น
ที่มา : cointelegraph.com
——————————————————–
สนับสนุนโดยกลุ่ม Coin Thai Talk : https://www.fb.com/groups/CoinThaiTalk/ กลุ่มใหม่ของคนรักคริปโต