แม้เงินปันผลเฉลี่ยจากดัชนี S&P 500 จะลดลง แต่ผลตอบแทนจากการ Staking คริปโตยังทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีอัตราผลตอบแทนสูงสุดถึง 84.19% ต่อปี
ปัจจุบัน ผลตอบแทนเฉลี่ยจากการ Staking คริปโตสูงกว่าเงินปันผลเฉลี่ยที่จ่ายให้กับนักลงทุนในดัชนี S&P 500 ถึง 450% ท่ามกลางการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในทั้งสองตลาด โดยดัชนีหุ้น S&P 500 ซึ่งติดตาม 500 บริษัทมหาชนที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา ได้ทำผลงานดีที่สุดในรอบ 5 ปีที่ 10.16% ในไตรมาสแรก ตามข้อมูลของ Google Finance
อย่างไรก็ตาม อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยอยู่ที่ 1.35% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 2021 และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง นี่แสดงถึงความแตกต่าง 0.23% จากระดับต่ำสุดตลอดกาลที่ 1.12% ซึ่งบันทึกไว้เมื่อ 24 ปีที่แล้วในช่วงไตรมาสแรกของปี 2000
ในขณะเดียวกัน การ Staking คริปโตเคอเรนซี่ หรือการล็อคเหรียญคริปโตไว้เพื่อรับดอกเบี้ยหรือผลตอบแทน มีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ย 6.08% ต่อปี ตามข้อมูลอ้างอิงบน Staking Rewards
อัตราเงินปันผลของ S&P 500 คืออัตราเงินปันผลเฉลี่ยของหุ้นทั้งหมดในดัชนี ในบรรดาสามบริษัทที่ใหญ่ที่สุดใน S&P 500 นั้น Microsoft มีอัตราเงินปันผลสูงสุดที่ 0.71% ตามด้วย Apple 0.56% และ Nvidia Corp 0.02%
จาก 100 อันดับแรกของสกุลเงินดิจิทัล ปัจจุบัน Algorand (ALGO) ให้ผลตอบแทนการ Staking สูงสุดที่ 84.19% รองลงมาคือ Cosmos (ATOM) ที่ 17.17% และ Filecoin (FIL) ที่ 16.34% อย่างไรก็ตามการ Staking แบบให้ผลตอบแทนสูงนั้นมีความเสี่ยงเนื่องจากสินทรัพย์มักจะถูกล็อคไว้ หมายความว่านักลงทุนอาจไม่สามารถชำระคืนได้ แม้ว่ามูลค่าที่อ้างอิงอาจลดลง
นักลงทุนสถาบันเริ่มให้ความสนใจกับความแตกต่างอย่างมากระหว่างผลตอบแทนจากการ Staking คริปโตเคอเรนซี่และอัตราเงินปันผลจากหุ้น โดยเมื่อวันที่ 30 มีนาคม Cointelegraph รายงานว่า Grayscale Investments ได้เปิดตัวกองทุนการลงทุนที่ออกแบบมาสำหรับลูกค้ารายใหญ่ เพื่อให้พวกเขาได้ผลประโยชน์จากรายได้ที่เกิดจากการ Staking โทเค็นคริปโต
Grayscale ระบุชื่อโทเค็น Proof-of-Stake สามตัวที่จะอยู่ในกองทุน: Osmosis (OSMO) ที่มีสัดส่วน 24%, Solana SOL 20% และ Polkadot DOT 14% ในขณะที่ 43% จัดอยู่ในหมวดหมู่โทเค็นอื่น ๆ
นอกจากนี้ Grayscale ยังเป็นหนึ่งในบริษัทจัดการสินทรัพย์ชั้นนำไม่กี่แห่ง รวมทั้ง ARK Invest และ Fidelity Investments ที่กำลังพยายามขออนุมัติจากสำนักงาน คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) ในการ Staking Ether (ETH) โดยจะเป็นหนึ่งในบริการของกองทุน Ethereum ETF หากได้รับการอนุมัติในปีนี้
ติดตามข่าวคริปโตก่อนใครได้ที่ https://www.siambitcoin.com/
