ผู้สนับสนุน Bitcoin โต้แย้งกับ Jimmy Wales ว่า ธนาคารต่าง ๆ อาจใช้งานได้ แต่พวกเขาไม่ได้ให้บริการสำหรับทุกคน และการจัดเก็บ BTC ส่วนตัวกับการเก็บเงินสดผ่านธนาคารต่าง ๆ นั้น แตกต่างกันมาก
Jimmy Wales ผู้ร่วมก่อตั้ง Wikipedia โพสต์ผ่าน X เมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ประชด Bitcoin (BTC) โดยคุยโวว่าผู้ใช้หลายคนสูญเสีย Bitcoin เนื่องจากลืมรหัสผ่าน wallet ของพวกเขา แต่เขาไม่เคยสูญเสียเงินตราเลยหากเขาลืมรหัสผ่านธนาคารของเขา
ความเห็นของ Wales สะเทือนไม่ได้รับการตอบรับที่ดีจากชุมชน Bitcoin และคริปโตในวงกว้าง โดนสวนกลับว่าผู้ก่อตั้งฯ พึ่งพาการบริจาคเพื่อดำเนินการไปวัน ๆ
จากโพสต์ X ของเขา Wales เสียดสีว่า เมื่อเขาลืมรหัสผ่านธนาครของเขาและสูญเสียเงินสดทั้งหมด จากนั้นก็เยาะเย้ยชุมชน BTC ว่า “ไม่เลย จริง ๆ แล้ว มันจะไม่เกิดเพราะธนาคารใช้งานได้ แต่ Bitcoin นั้นไม่เวิร์ก”
ชุมชน Bitcoin สวนกลับผู้ร่วมก่อตั้ง Wikipedia ที่ด้อยค่า BTC อย่างไร้เหตุผล และเตือน Wales ว่า แม้ว่าธนาคารทำงานได้ดี แต่มันไม่เหมาะกับทุกคน และมีผู้คนอีกมากมายทั่วโลกที่ไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้
Alex Gladstein ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ของ Human Rights Foundation บอกกับ Wales ว่า ธนาคารต่าง ๆ ทำงานอย่างเหมาะสมในประเทศที่มีหลักนิติธรรมและค่าเงินที่แข็งแกร่ง เขาเสริมมีเพียงประมาณหนึ่งพันล้านคนจากประชากรแปดพันล้านคนของโลกเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงบริการทางธนาคาร
Lyn Alden ผู้ก่อตั้ง Lyn Alden Investment Strategy กล่าวว่า แม้แต่ผู้ที่มีบัญชีธนาคารก็ไม่ปลอดภัยตลอดเวลา โดยอ้างถึงตัวอย่างแพทย์ชาวเลบานอนที่สูญเสียเงินออมไป 95% เนื่องจากภาวะเงินเฟ้อรุนแรง
ผู้สนับสนุน Bitcoin อย่าง Samson Mow โจมตีและเตือนผู้ร่วมก่อตั้ง Wikipedia เกี่ยวกับชะตากรรมบริษัทของเขาที่อาศัยเงินบริจาคเพื่อความอยู่รอด Mow กล่าวว่า หาก Wikipedia “ซื้อ Bitcoin เมื่อไม่กี่ปีก่อนตามที่ฉันแนะนำ คุณก็ไม่ต้องขอเงินบริจาคทุกปีตลอดไป”
อีกสองสามคนก็ชี้ให้เห็นถึงการรวมศูนย์ของระบบธนาคาร โดยตอกย้ำว่ามันไม่ได้ผลสำหรับทุกคน
Danny Scott ซีอีโอ Coin Corner ตลาดซื้อขาย Bitcon บอก Wales ว่า เขากำลังเปรียบเทียบสองสิ่งที่แตกต่างกัน เขากล่าว่าสถานการณ์คล้ายกันนี้ที่ผู้ใช้ลืมรหัสผ่านตลาดฯ Bitcoin ก็สามารถรีเซ็ตได้เหมือนกับธนาคาร เขาเสริมว่า “การเก็บเงินสดด้วยตนเองเป็นตัวอย่างที่ดีกว่า แต่คุณจะเสียสิ่งนั้น และมันก็หายไปได้ เช่นเดียวกับ Bitcoin”
ที่มา : cointelegraph.com