ในอดีต ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีได้ประโยชน์จากการเพิ่มการปริมาณเงินทั่วโลก เนื่องจากภาวะกระทิงส่วนใหญ่ในอดีตใกล้เคียงกับการเพิ่มปริมาณเงินตรา
ปริมาณเงินรวม (total money supply, M2) ที่เพิ่มขึ้น สามารถผลักดันให้คริปโตเข้าสู่ภาวะกระทิงอีกครั้ง และช่วยให้มีประสิทธิภาพเหนือกว่าตลาดแบบดั้งเดิม ตามที่ Raoul Pal ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Real Vision แพลตฟอร์มสื่อทางการเงินกล่าว โดยโพสต์ผ่าน X ไฮไลต์คามสัมพันธ์ระหว่างอุปทานตลาดเงินตราที่เพิ่มขึ้นและการเริ่มต้นขึ้นของภาวะกระทิงของคริปโต
Pal โพสต์แชร์กราฟผ่าน X เปรียบเทียบประสิทะิภาพ BTC รายปีกับ global M2 money supply ซึ่งชี้ให้เห็นถึงการเพิ่มขึ้นของ Bitcoin และ global M2 supply ในอดีตนั้น Bitcoin และตลาดคริปโตเคอร์เรนซีเริ่มมีประสิทธิภาพเหนือกว่าตลาดทางการเงินแบบดั้งเดิม เมื่อ global M2 supply เพิ่มขึ้น
Bitcoin vs. global M2 supply. ที่มา: Global Macro Investor
กราฟด้านบนแสดงให้เห็นว่า ราคา Bitcoin กำลังจะแยกตัวออกจากตลาดแบบดั้งเดิมเมื่ออุปทาน M2 เพิ่มขึ้น ในอดีตนั้น เห็นได้จากประสิทธิภาพของ BTC พุ่งสูงขึ้นในปี 2021, 2017 และ 2014
Bitcoin/NDX vs. global M2 supply. ที่มา: Global Macro Investor
Pal กล่าวว่าเขา “ชอบ Global M2…นี่คือตอนที่ BTC มีประสิทธิภาพเหนือกว่า NDX และคริปโตกลายเป็นหลุมดำขนาดใหญ่มหึมา ”
M2 คือ ปริมาณเงินที่เฟดสหรัฐฯ ประมาณการว่าจะมีการหมุนเวียน ประกอบไปด้วยเงินสดทั้งหมดที่ผู้คนเป็นเจ้าของและเงินทั้งหมดที่มีอยู่ในบัญชีออมทรัพย์ บัญชีกระแสรายวัน และเครื่องมือออมทรัพย์ระยะสั้นอื่น ๆ เช่น บัตรเงินฝาก
การทะยานขึ้นของ Bitcoin มักเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ halving ทุก ๆ สี่ปี โดยครั้งต่อไปมีกำหนดในเดือนเมษายน 2024 เนื่องจากช่วยลดอุปทานของ BTC เมื่อเทียบกับความต้องการที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม halving ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่อยู่เบื้องหลังการเพิ่มขึ้น เนื่องจากปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคหลายประเด็นก็มีบทบาทสำคัญเช่นกัน
ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ราคาของ Bitcoin เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วง M2 เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการลดอัตราดอกเบี้ย มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ และมาตรการกระตุ้นทางการคลัง ในทางกลับกัน ในช่วงที่ธนาคารเข้มงวดทางการเงิน ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีพยายามดิ้นรนให้ได้โมเมนตัมขาขึ้น ตลาดกระทิงในปี 2021 ใกล้เคียงกับการเติบโตของ M2 6% หรือสูงกว่าในธนาคารพื้นฐาน เช่น เฟด ธนาคารกลางแห่งยุโรป ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น และธนาคารแห่งประชาชนจีน
ที่มา : cointelegraph.com
