Mario Marcel ผู้ว่าการธนาคารกลางชิลี กล่าวว่า สกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (central bank digital currencies, CBDC) นั้นสามารถยืดหยุ่นได้มาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงสถานการณ์ “ความไม่แน่นอนทางนโยบายการเงิน”
Marcel แสดงความคิดเห็นในช่วงปราศรัยในหัวข้อ “High-level Policy Panel Discussion on Central Bank Digital Currencies” ว่าด้วยเรื่อง การประชุมหารือระดับสูงเรื่องสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง (CBDC) ในงานฟอรัม OECD Global Blockchain Policy Forum จัดขึ้นที่กรุงปารีส เมื่อวันที่ 12 กันยายน
Disruptive FinTech “ปิดช่องโหว่” การเงินรูปแบบดั้งเดิม
คำปราศรยช่วงต้นของ Marcel ยอมรับว่า คริปโตเคอร์เรนซี อย่าง Bitcoin กำลังแสดงให้เห็นถึงศักยภาพเข้ามาทดแทนและมีประโยชน์บางประการเหนือระบบการเงินแบบดั้งเดิม เขากล่าวว่า
เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก (Disruptive technologies) ในวงการเงิน หรือ ‘FinTech’ กำลังเปลี่ยนโฉมอุตสาหกรรมการเงิน กำลังท้าท้ายโมดลธุรกิจแบบดั้งเดิม เทคโนโลยีเหล่านี้สามารถปิดช่องโหว่บางส่วนในอุตสาหกรรมแบบดั้งเดิม ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็น 5 ด้าน ได้แก่ การเข้าถึง ความเร็ว ต้นทุน ความโปร่งใส และด้านความปลอดภัย
อย่างไรก็ตาม Marcel บอกว่าเทคโนโลยีใหม่นี้ยังสามารถนำไปใช้กับระบบการธนาคารเพื่อความยุ่งยากที่เกิดขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น เทคโนโลยีบัญชีแยกประเภทแบบกระจายศูนย์ (distributed ledger technology ,DLT) ก็สามารถให้ประโยชน์บางอย่างที่เทคโนโลยีการเงินแบบดั้งเดิมไม่สามารถทำได้
CBDCs สามารถ “ปรับปรุงชุดเครื่องมือของธนาคารกลาง”
DLT และ CBDC สามารถ “เพิ่มประสิทธิภาพของตลาด” จากผลงานวิจัยบางส่วน Marcel บอกว่าสกุลเงินดิจิทัลเหล่านี้จะสามารถยืดหยุ่นได้มากขึ้นใน “สถานการณ์นโยบายทางการเงินที่มีความไม่แน่นอน”
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประโยชน์หลักอย่างหนึ่งที่เป็นไปได้ ก็คือ
การจัดการวิกฤติเกี่ยวกับ Zero Lower Bound ในโลกของอัตราดอกเบี้ยอยู่ใกล้ศูนย์ต่ำกว่าที่เป็นจริง อันเนื่องผลกระทบจากนโยบายทางการเงินนอกกรอบ อย่างเช่น QE, การตั้งเป้าหมายเศรษฐกิจในรูปตัวเงิน (nominal GDP targeting), สัญญาณชี้นำล่วงหน้า (Forward guidance)…การกำหนดอัตราดอกเบี้ยติดลบเล็กน้อยด้วยวิธีที่ยืดหยุ่นสามารถปรับปรุงเครื่องมือ (toolkit) ของธนาคารกลางได้
อย่างไรก็ตาม Marcel ก็ยอมรับว่ามีข้อบกพร่องบางประการและจำเป็นต้องวิจัยเพิ่มเติมเพื่อทำความเข้าใจความเป็นไปได้ของเทคโนโลยี ยิ่งไปกว่านั้น สาธารณะชนอาจตีความอัตราดอกเบี้ยติดลบว่าเป็น “ภาษีใหม่” และมีแนวโน้มที่ฝ่ายนิติบัญญัติจะผลักดันนโยบาย
Marcel บอกอีกว่าCBDC สามารถใช้เป็นเครื่องมือแทรกแซงเพิ่มเติมของธนาคารกลางและลดความเสี่ยงกิจการธนาคาร นอกจากนี้งบดุลที่โปร่งใสช่วยให้ “สถาบันการเงินที่มีปัญหามีความผ่อนคลายและขายสินทรัพย์ได้ง่ายขึ้น”
ขณะเดียวกัน Marcel เน้นย้ำกว่า CBCD อาจไม่จำเป็นต้องมีบล็อกเชนก็ได้ เขาสรุปว่า “ช่องทางนโยบายทางกรเงินในโลกที่มี CBDC อาจจะเร็วกว่าและทรงพลังกว่า”
ที่มา : cointelegraph.com