หลังจากเกิดวิกฤตสภาพคล่องและการเข้าซื้อกิจการ FTX บุคคลที่มีชื่อเสียงหลายคนในอุตสาหกรรมเรียกร้องให้ Binance เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับสภาพคล่องผ่านการใช้ Proof-of-Reserve ทั้งนี้ นาย Changpeng Zhao “CZ” ซีอีโอของ Binance กล่าวว่า เว็บเทรดเขาจะเริ่มระบบการตรวจสอบ Proof-of-Reserves ในไม่ช้า เพื่อให้สามารถยืนยันการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลได้
ในโพสต์บน Twitter เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน Zhao ให้คำมั่นว่า จะใช้กลไก Proof-of-Reserve กับ Binance เพื่อให้ “ความโปร่งใสอย่างเต็มรูปแบบ” ผ่านการใช้ Merkle Trees ซึ่งเป็นโครงสร้างข้อมูลที่ช่วยให้การเข้ารหัสข้อมูลบล็อคเชนมีประสิทธิภาพและปลอดภัยยิ่งขึ้น
การตรวจสอบ Proof-of-Reserve โดยปกติจะดำเนินการโดยบุคคลที่สาม เพื่อให้แน่ใจว่าทรัพย์สินของผู้รับฝากนั้นเป็นเจ้าของตามที่อ้างสิทธิ์
ความตั้งใจของ CEO ของ Binance ในการใช้ Proof-of-Reserves เกิดขึ้นหลังจากที่ Binance ตกลงซื้อ FTX ซึ่งเป็นบริษัทซื้อขายแลกเปลี่ยนคริปโตเคอเรนซีที่เป็นคู่แข่งในวันที่ 8 พฤศจิกายน หลังจากมีข่าวลือว่ากำลังจะล่มละลาย แม้ทาง CEO Sam Bankman-Fried จะออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าวในขั้นต้นก็ตาม
Sergey Nazarov ซีอีโอของ Chainlink แสดงความคิดเห็นของเขาในทวีตเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายนว่ากลไก Proof-of-Reserves สามารถแสดงภาพให้นักลงทุนเห็นได้ชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับสถานการณ์การล้มละลายของแพรตฟอร์มซื้อขายหรือบริษัททางการเงิน และ “กำลังจะเป็นมาตรฐานใหม่ในอุตสาหกรรมคริปโต“
ในขณะเดียวกัน บริษัทเว็บเทรด Kraken ได้ใช้ “ขั้นตอนการบัญชีเข้ารหัสขั้นสูง” เพื่อให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบยอดโทเคนของตนได้ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2022
ทางด้านเว็บเทรด OKX ได้ประกาศแผนการที่จะเปิดตัวระบบตรวจสอบ Proof-of-Reserves ของ Merkle ในโพสต์ Twitter เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นสิ่งที่พวกเขาพิจารณาว่าเป็น “ขั้นตอนสำคัญ” ในการสร้าง “ความไว้วางใจพื้นฐาน” ในอุตสาหกรรม
แนวคิดในการตรวจสอบ Proof-of-Reserve ได้รับการสนับสนุนเกือบเต็มรูปแบบจากชุมชน Twitter แต่ก็มีผู้ที่ไม่เห็นด้วย เช่น Antonio Juliano ผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มการซื้อขายอนุพันธ์คริปโต dYdX แย้งว่า Proof-of-Reserves จะไม่เปิดเผยข้อมูลที่จำเป็นทั้งหมด
ที่มา : cointelegraph.com
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่ช่องทางต่างๆเพียงคลิกที่ Line , Facebook , Twitter และ Telegram
