การสำรวจของ KPMG/HSBC พบว่า วงการ NFT และ DeFi ได้รับความนิยมจากบริษัทสตาร์ทอัพรายใหญ่ในเอเชียแปซิฟิก มากกว่าการชาร์จ EV การคำนวณควอนตัม และเทคโนโลยีใหม่ ๆ
ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกำลังเห้นการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจครั้งใหญ่ โดยมีสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นจำนวนมาก แม้ว่าการลงทุนร่วมลงทุนจะลดลงเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา รายงานสำรวจสตาร์ทอัพในเอเชียแปซิฟิกจาก KPMG บริษัทบัญชีบิ๊ฟโฟร์ และบริษัทธนาคารระหว่างประเทศ HSBC จำนวน 6,472 ราย พบว่า มากกว่า 1 ใน 4 เกี่ยวข้องกบับล็อกเชน
NFT เป็นผู้นำกลุ่มภาคส่วนที่ “ยักษ์ใหญ่ที่เกิดขึ้นใหม่” ในเอเชียแปซิฟิก ตามมาด้วยการเงินไร้ตัวกลาง หรือที่เรียกว่า DeFi ส่วนด้านโครงสร้างพื้นฐานการชาร์จรถไฟฟ้า การคำนวณควอนตัม และระบบอัตโนมัติในการประมวลผลด้วยหุ้นยนต์ รวมอยู่ในห้าภาคส่วนแรก ขณะที่อสังหาริมทรัพย์บนบล็อกเชนและ DAO อยู่ในอันดับที่ 14 และ 15 ตามลำดับ
แม้ว่าสถานโดยรวมแข็งแกร่ง แต่บริษัทที่เกี่ยวข้องกับบล็อกเชนพบได้บ่อยในกลุ่มที่อยู่อันดับต่ำกว่า ท่ามกลางบริษัทยักษ์ใหญ่ 100 อันดับแรก มีเพียง 5 รายเท่านั้นที่เกี่ยวข้องกับบล็อกเชน และมีเพียง 1 รายเท่านั้น คือ Catheon Gaming ของฮ่องกง เป็นแพลตฟอร์มเล่นเพื่อสร้างรายได้ (play-to-earn) ติด 10 อันดับแรก (อยู่ลำดับที่ 8) ยูนิคอร์นบริการทางการเงินคริปโตสองราย ได้แก่ Amber Group ของฮ่องกง และ Matrixport ของสิงคโปร์ ไม่ติด 100 อันดับแรก
รายงานดังกล่าวสำรวจจาก 12 ประเทศในเอเชียแปซิฟิก คิดเปิด 94.8% ของบริษัทที่สำรวจ บริษัทเทคโนโลยีใหม่ส่วนใหญ่ตั้งอยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่ (32.8%) และอินเดีย (30.1%) ญี่ปุ่น (12.7%) และออสเตรเลีย (8.7%)
การเติบโตอย่างต่อเนื่องของชนชั้นกลางในเอเชีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเกิดขึ้นของผู้บริโภครุ่น Gen Z จะเป็นปัจจัยเดียวใหญ่ที่สุดที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลทั่วทั้งภูมิภาค แต่ […] สังคมสูงวัยที่รุ่งเรืองกว่าในเอเชียก็จะเป็นแหล่งนวัตกรรมที่รุ่มรวยเช่นกัน
“บริษัทที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดกำลังมุ่งเน้นความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน” รายงานระบุโดยอ้างถึง “ความสามารถของจีนในโครงการนำร่องและทดสอบแพลตฟอร์มดิจิทัล” เป็นต้น แม้ว่าจีนจะแบนการซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซี แต่สกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง e-CNY ได้รับการยอมรับจากผู้ค้ามากกว่า 4.5 ล้านคนทั่วประเทศ
ที่มา : cointelegraph.com