Bitkub และ Satang Pro ถูก ก.ล.ต. สั่งลงโทษฐานสร้างปริมาณเทียมจับคู่ซื้อขาย Crypto กันเอง
เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. 2565 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รายงานพบเหตุสงสัยว่าอาจมีการสร้างปริมาณเทียมในศูนย์ซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล หรือคริปโทเคอร์เรนซีของ บิทคับ (Bitkub) และ สตางค์โปร (Satang Pro) ซึ่งจากการตรวจสอบพบการกระทำเข้าข่ายความผิดหลายบุคคล
โดย ก.ล.ต. สั่งลงโทษ 7 ผู้กระทำความผิดฐานสร้างปริมาณเทียมจับคู่ซื้อขาย Crypto กันเองภายในศูนย์ซื้อขาย “Bitkub และ Satang Pro” ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
ศูนย์ซื้อขาย “Bitkub” ผู้กระทำผิดจำนวน 3 ราย ได้แก่
1.บริษัทบิทคับ 2.นายอนุรักษ์ เชื้อชัย 3.นายสกลกรย์ สระกวี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้มีอำนาจจัดการของบริษัทบิทคับ
นายสกลกรย์ ได้ทำสัญญากับนายอนุรักษ์ ให้ทำหน้าที่ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) ในศูนย์ซื้อขาย Bitkub และได้ให้นายอนุรักษ์ยืมเงิน เพื่อใช้ในการทำหน้าที่ดังกล่าว ซึ่งพบว่า ในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 นายอนุรักษ์ได้ส่งคำสั่งจับคู่ซื้อขายเหรียญคริปโทเคอร์เรนซี จำนวน 4 เหรียญ ได้แก่ Bitcoin (BTC), Bitcoin Cash (BCH), Ethereum (ETH) และ Ripple (XRP)
โดยเป็นการจับคู่ซื้อขายกันเองในบัญชีซื้อขายเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีของตนเองในศูนย์ซื้อขายบิทคับ ซึ่งการจับคู่ซื้อขายกันเองในแต่ละเหรียญดังกล่าว มีสัดส่วนตั้งแต่ร้อยละ 84 – 99 ของปริมาณการซื้อขายทั้งหมดของนายอนุรักษ์ และตั้งแต่ร้อยละ 57 – 99 ของปริมาณการซื้อขายรวมทั้งตลาด ซึ่งบริษัทบิทคับ และนายสกลกรย์รับทราบถึงการจับคู่ซื้อขายกันเองในบัญชีซื้อขายของนายอนุรักษ์ แต่ไม่ได้มีการทักท้วงการส่งคำสั่งซื้อขายเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีของนายอนุรักษ์ดังกล่าว
การกระทำของบริษัทบิทคับและนายอนุรักษ์เป็นความผิดฐานส่งคำสั่งซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัล หรือซื้อหรือขายสินทรัพย์ดิจิทัล คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติลงโทษดังนี้
• ให้บริษัทบิทคับ ชำระค่าปรับ 8,053,764 บาท
• ให้นายอนุรักษ์ ชำระค่าปรับ 8,053,764 บาท ห้ามซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล 6 เดือน และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร 12 เดือน
• ให้นายสกลกรย์ ชำระค่าปรับ 8,053,764 บาท และรับผิดในมาตรการลงโทษทางแพ่ง รวมถึงห้ามซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล 6 เดือน และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหาร 12 เดือน
รวมเป็นเงิน 24,161,292 บาท
ศูนย์ซื้อขาย “Satang Pro” ผู้กระทำผิดจำนวน 4 ราย ได้แก่
1.บริษัทสตางค์ 2. บริษัท LLC Fair Expo 3. นายปรมินทร์ อินโสม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้มีอำนาจจัดการของบริษัทสตางค์ 4. Mr. Mikalai Zahorski เจ้าของและกรรมการผู้จัดการ ของบริษัท LLC Fair Expo
นายปรมินทร์ ได้ทำสัญญากับบริษัท LLC Fair Expo ให้ทำหน้าที่ดูแลสภาพคล่อง (Market Maker) ในศูนย์ซื้อขายสตางค์โปร และได้ให้วงเงินซื้อขายเพื่อใช้ในการทำหน้าที่ดังกล่าว ซึ่งพบว่าในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 บริษัท LLC Fair Expo ได้ส่งคำสั่งจับคู่ซื้อขายเหรียญคริปโทเคอร์เรนซี จำนวน 3 เหรียญได้แก่ Bitcoin (BTC), Ethereum (ETH), และ Ripple (XRP)
โดยเป็นการจับคู่ซื้อขายกันเองในบัญชีซื้อขายเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีของ Market Maker ในศูนย์ซื้อขายสตางค์โปร ซึ่งการจับคู่ซื้อขายกันเองในแต่ละเหรียญดังกล่าวมีสัดส่วนตั้งแต่ร้อยละ 96 – 99 ของปริมาณการซื้อขายทั้งหมดของบัญชีซื้อขายของ Market Maker หรือคิดเป็นร้อยละ 81 – 97 ของปริมาณการซื้อขายรวมทั้งตลาด ทั้งนี้ การทำหน้าที่ของ Market Maker ได้มีการนำส่งรายงานการซื้อขายในบัญชี Market Maker ให้บริษัทสตางค์รับทราบทุกเดือน
คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติลงโทษดังนี้
• ให้บริษัทสตางค์ ชำระค่าปรับ 6,040,323 บาท
• ให้บริษัท LLC Fair Expo ชำระค่าปรับ 6,040,323 บาท และห้ามซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล 6 เดือน
• ให้นายปรมินทร์ ชำระค่าปรับ 6,040,323 บาท ร่วมรับผิดในมาตรการลงโทษทางแพ่ง พร้อมห้ามซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล 6 เดือน และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารเป็นเวลา 12 เดือน
• ให้ Mr. Mikalai ชำระค่าปรับ 6,040,323 บาท ร่วมรับผิดในมาตรการลงโทษทางแพ่ง พร้อมห้ามซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล 6 เดือน และห้ามเป็นกรรมการหรือผู้บริหารเป็นเวลา 12 เดือน
รวมเป็นเงิน 24,161,292 บาท
ที่มา : sec.or.th
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่ช่องทางต่างๆเพียงคลิกที่ Line , Facebook , Twitter และ Telegram