NFT ยังคงเป็นพื้นที่สีเทาในประเทศจีน แตกต่างจากคริปโตเคอร์เรนซีเนื่องจากไม่มีการห้ามอย่างเป็นทางการ แต่ทางการได้เตือนนักลงทุนถึงความเสี่ยงเป็นครั้งคราว
ความนิยมของ NFT กำลังเพิ่มขึ้น ข้อมูลล่าสุดชี้ว่าจำนวนแพลตฟอร์มสะสมดิจิทัลในจีนเพิ่มขึ้นมากกว่า 500 แห่ง เพิ่มขึ้น 5 เท่าจากเดือนกุมภาพันธ์ 2022 เมื่อตอนที่มีแพลตฟอร์มมากกว่า 100 แห่ง
จากรายงานที่ตีพิมพ์โดยหนังสือพิมพ์รายวันของจีน จำนวนแพลตฟอร์มที่เพิ่มขึ้นอยา่งรวดเร็วนั้นเกิดขึ้นท่ามกลางกระแสนิยมของสะสมดิจิทัลเพิ่มขึ้นในประเทศ บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ เช่น Tencent และ Alibaba แสดงความสนใจในวงการที่เพิ่งตั้งใข่และได้ยื่นจดสิทธิบัตรเครื่องหมายทางการค้าหลายฉบับ
ระดับความสนใจในของสะสมดิจิทัลเพิ่มขึ้นในจีนเกิดขึ้น แม้จะมีคำเตือนหลายครั้งจากหน่วยงานท้องถิ่นเป็นครั้งคราว หน่วยงานของรัฐเชื่อว่าตลาด NFT ของจีนเต็มไปด้วยการเก็งกำไรโดยมุ่งเน้นไปที่ตลาดรองที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงโดยธรรมชาติสำหรับนักลงทุน
NFT ยังกลายเป็นช่องทางให้ผู้คนได้แสดงออกทางดิจิทัลในช่วงที่เกิดการล็อกดาวน์อย่างเข้มงวดจากสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศจีน ชาวเซี่ยงไฮ้ได้ลิสต์ NFT หลายร้อยรายการใน Opensea ในเดือนพฤษภาคม ในช่วงรัฐบาลล็อกดาวน์สูงสุด
เนื่องจากการขาดการกำกับดูแลด้านกฎระเบียบ บุคคลและธุรกิจยังคงมีส่วนร่วมกับของสะสมดิจิทัล แต่ด้วยแนวทางที่ระมัดระวังเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งโดยตรงกับเจ้าหน้าที่ เมื่อเร็ว ๆ นี้ Alibaba ได้เปิดตัวโซลูชั่น NFT ใหม่ และลบโพสต์ดังกล่าวทันที
บริษัทที่เกี่ยวข้องกับ Alibaba เช่น Ant Group และ Tencent Holdings ได้เคลื่อนไหวหลีกเลี่ยงกฎระเบียบที่เกิดขึ้น โดยสร้างแบรนด์ลิสต์ NFT เป็น “ของสะสมดิจิทัล” พวกเขายังให้บริการบนบล็อกเชนส่วนตัวและซื้อขายโดยใช้สกุลเงินของจีน
ในทำนองเดียวกัน บริษัทอินเทอร์เน็ตยักษ์ใหญ่หลายแห่งและแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียชั้นนำในจีนขัดแย้งกับความชัดเจนด้านกฎระเบียบเกี่ยวกับ NFT และตัดสินใจที่จะลบมาร์เก็ตเพลซหลายแห่งออกจากแพลตฟอร์มของตน เนื่องจากเกรงว่ารัฐบาลจะปราบปราม
ท่าทีที่เข้มงวดของรัฐบาลปักกิ่งที่มีต่อตลาดคริปโตนั้นเป็นที่รู้จักกันดี อย่างไรก็ตาม การห้ามใช้เทคโนโลยีกระจายศูนย์พิสูจน์ชัดแล้วว่าไร้ประโยชน์ การห้ามขุดคริปโตซึ่งครั้งหนึ่งเคยทำให้อัตราแฮชเครือข่าย BTC ลดลง 50% ไม่สามารถบดบังอุตสาหกรรมการขุดในประเทศได้อย่างสมบูรณ์ และปัจจุบันจีนกลับมาอยู่ในจุดที่สองเป็นรองจากสหรัฐฯ ในแง่ของการกำลังขุดเครือข่าย Bitcoin (BTC)
ที่มา : cointelegraph.com