เมื่อวันที่ 26 เมษายน ธนาคารกลางของสเปน ( Bank of Spain ) ได้เผยแพร่ผลการศึกษาที่อธิบายว่า ชาวสเปนและชาวยุโรปใช้ cryptocurrencies อย่างไรในปีที่ผ่านมา
รายงานอธิบายว่า ชาวยุโรปชอบบริการแบบกระจายอำนาจ (Decentralized Services) และสินทรัพย์ดิจิทัลที่ไม่มีการสำรองข้อมูล (Unbacked Cryptocurrencies) เช่น Bitcoin (BTC) และ Ethereum (ETH) นอกจากนี้ ธนาคารกลางสเปนยังตั้งข้อสังเกตว่า ปริมาณธุรกรรมคริปโตเคอเรนซีในภูมิภาคยุโรปเพิ่มขึ้นอย่างมากในปีที่แล้ว และสูงกว่าสหรัฐอเมริกา
“ในปีที่ผ่านมา ปริมาณธุรกรรมในยุโรปพุ่งขึ้นเกือบ 845 พันล้านยูโรในสินทรัพย์ดิจิทัล (4.9% ของ GDP, 0.9% ของสินทรัพย์ทางการเงินทั้งหมด) คิดเป็น 25% ของยอดรวมทั่วโลก แซงหน้าอเมริกาเหนือ”
ตามรายงาน ระบุว่า ชาวยุโรปต่างให้ความสนใจ cryptocurrencies ที่ไม่มีการสำรองข้อมูลมากขึ้น โดยธุรกรรมส่วนมากพบใน BTC และ ETH คิดเป็น 60% ของธุรกรรมทั้งหมด cryptocurrencies อื่นๆ คิดเป็น 25% และ altcoins อื่น ๆ ที่ไม่ใช่ ETH ประมาณ 15%
ในทางกลับกัน ECB รายงานว่า 64% ของชาวสเปนต้องการใช้บริการแบบกระจายอำนาจ (คือ ธุรกรรมที่ไม่ผ่านคนกลาง) สูงกว่ายุโรปที่มีความต้องการโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 53%
ซึ่งนั้นหมายความว่า ตลาดซื้อขายคริปโตแบบรวมศูนย์ เช่น Binance หรือ Bit2me กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากในยุโรป แต่ภูมิหลังทางกฎหมายก็ได้สนับสนุนให้ประชาชนแสวงหาทางเลือกอื่นในการทำธุรกรรมและการเทรด เช่น Uniswap, Pancakeswap, Sushiswap และแพรตฟอร์มอื่นๆ ที่คล้ายคลึงกัน
ดูเหมือนว่า อาชญากรจะไม่ค่อยนิยมสกุลเงินดิจิทัลสักเท่าไร ในรายงานระบุว่ามีเพียง 1% ของธุรกรรมสกุลเงินดิจิทัลทั้งหมด ระหว่างเดือนกรกฎาคม 2020 ถึงมิถุนายนปี 2021 ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย เช่น การโจรกรรม การหลอกลวง และการฉ้อโกง เป็นต้น
ที่มา : cryptopotato.com
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่ช่องทางต่างๆเพียงคลิกที่ Line , Facebook , Twitter และ Telegram