ราคา Bitcoin ดิ่งในเดือนกันยายน อาจปูทางสู่ตลาดกระทิงครั้งใหญ่คล้ายปี 2013 และ 2017
ราคา Bitcoin ร่วง เนื่องจากความกังวลต่อจีนและการเตือนการประชุมเฟดสหรัฐฯ ในสัปดาห์นี้ ส่งผลกระทบต่อ Stock Index Futures ของสหรัฐฯ โดยมีการคาดการณ์กันว่ารัฐบาลสหรัฐฯ อาจประกาศให้ Stablecoin เป็นความเสี่ยงต่อระบบทางการเงิน สร้างความไม่แน่นอนให้กับตลาดคริปโต
คริปโตเคอร์เรนซีชั้นนำตามมูลค่าตลาด ปัจจุบันราคาอยู่ที่ $43,611 ร่วงมากกว่า 7% ในวันนี้ ตลาดคริปโตแดงทั้งกระดาน Ether, Cardano และ Solana ต่างก็ร่วง มากกว่า 8% (ข้อมูลจาก CoinDesk 20 data)
ตลาด Futures ที่เกี่ยวข้องกับ S&P 500 ดัชนีหุ้นหลักของ Wall Street และเกณฑ์มาตรฐานสินทรัพย์เสี่ยงระดับโลกซื้อขายต่ำกว่า 1% พร้อมกับการสูญเสียใกล้เคียงคับดัชนีหุ้นยุโรปและหุ้นในฮ่องกงและญี่ปุ่น
“นักลงทุนกำลังจับตาความเสี่ยงว่าวิกฤติ China Evergrande Group อาจกลายเป็นปัญหาที่สำคัญต่อระบบตลาดโลก” คุณ Pankaj Balani ซีอีโอ Delta Exchange กล่าว “ตลาดจะจับตาดูความเห็นของเฟดในปลายสัปดาห์นี้ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลงสภาพคล่องจากธนาคารกลาง”
Evergrande ร่วงมากกว่า 10% ในฮ่องกงในช่วงต้นของวันนี้ ลดลงจากปีก่อน 85% จากความกังวลว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอสังหาริมทรัพย์อาจผิดชำระดอกเบี้ย $83.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่จะถึงกำหนดในวันพฤหัสฯ นี้ ทางการจีนพร้อมได้แจ้งให้ผู้กู้รายใหญ่แจ้งว่าบริษัทมีแนวโน้มผิดนัดชำระเงิน บางคนบอกว่าความกลัวเรื่องวิกฤติ Evergrande ดังกล่าวนั้นมีมากเกินไป
การประชุมเฟดสองวันติดกันเสร็จสิ้นในวันพุธ จะถูกจับตามมองเป็นพิเศษจากนักลงทุน เพื่อความชัดเกี่ยวแผนการของธนาคารกลางในการปรับลดวงเงิน (Taper) โครงการกระตุ้นสภาพคล่องหรือไม่
การสื่อสารจากสมาชิกเฟดในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาไม่ค่อยสู้ดีนัก หลายคนเรียกร้องให้ปรับลดวงเงินก่อนสิ้นปี โดยทั่วไปแล้วราคา Bitcoin และสินทรัพย์อื่น ๆ อาจเผชิญกับแรงกดดันเทขายในสัปดาห์นี้ หากเริ่มปรับลดลงวงเงินในเดือนตุลาคม หรือพฤศจิกายน
เงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นก่อนการประชุมเฟด ส่งผลต่อการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางอาจส่งสัญญาปรับลดวงเงินในเดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายนนี้ ดัชนีดอลลาร์ (Dollar Index) ซึ่งใช้ติดตามมูลค่าสกุลเงินกับสกุลเงินหลัก พุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบเดือนที่ 93.34 สองวันติดต่อกัน (ข้อมูลจาก TradingView)
นอกเหนือจากปัจจัยด้านมหภาคแล้ว การดำเนินกฎระเบียบที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อเหรียญ Stablecoin คริปโตเคอร์เรนซีที่ตรึงด้วยดอลลาร์ อาจเพิ่มแรงกดดันต่อการเทขาย Bitcoin
บทความข่าวที่ตีพิมพ์โดย New York Times เมื่อวันอาทิตย์ ระบุเอาไว้ว่า หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินสหรัฐฯ กังวลว่า Stablecoin ต่าง ๆ อาจก่อให้เกิดความไม่แน่นอน และอาจนำคริปโตที่ตรึงด้วยดอลลาร์มาอยู่ภายใต้การควบคุม โดยประกาศว่าเป็นความเสี่ยงต่อระบบการเงินหรือถือเป็นหลักทรัพย์ กองทุนรวมตลาดเงิน หรือเป็นธนาคาร ขณะที่ความกังวลของวอชิงตันต่อ Stablecoin ไม่ใช่เรื่องใหม่เลย จริง ๆ แล้วสื่อกระแสหลักนำเสนอข่าวว่าจะมีกฎระเบียบออกมาในเร็ว ๆ นี้
ล่าสุด Bloomberg รายงานทางการสหรัฐฯ กำลังพิจารณาอย่างเป็นทางการว่า Stablecoin นั้นเป็นภัยคุกคามทางเศรษฐกิจหรือไม่ ซึ่งเป็นกระบวนการที่อาจนำมาซึ่งการกำกับควบคุมที่หนักหน่วงมากขึ้นในวงการที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว มูลค่าตลาดของ Stablecoin รวมถึง Tether เพิ่มขึ้นเกือบ 10 เท่า กลายเป็น $115 พันล้านเหรียญ ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา การปราบปรามด้านกฎระเบียบอาจนำความเจ็บปวดระยะสั้นมาสู่ตลาดคริปโต
ประเด็นปัญหาเหล่านี้ รวมถึงการหมดอายุของสัญญา Bitcoin Options รายไตรมาสในวันศุกร์นี้ อาจทำให้คริปโตผันผวนหนักในสัปดาห์นี้ คุณ Balani กล่าว อย่างไรก็ตามแนวโน้มพื้นฐานยังคงเป็นขาขึ้น หากยังยืนเหนือราคา $40,000
ข้อมูลในอดีตที่ผ่านมา บ่งชี้ว่าราคาดิ่งหนักในเดือนกันยายนนั้นปูทางสู่ตลาดกระทิงครั้งใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากปีเหตุการณ์ Halving โดย Bitcoin ผ่านเหตุการณ์ Halving ครั้งที่สามในเดือนพฤษภาคมปีที่แล้ว ครั้งแรกและครั้งที่สองเกิดขึ้นในปี 2012 และ 2016
Bitcoin ร่วง 1.37% ในเดือนกันยายน 2013 แล้วราคาพุ่งขึ้นจาก $100 กลายเป็น $1,100 ในสองเดือนต่อมา แสดงให้เห็นถึงเหตุการณ์คล้าย ๆ กัน ในเดือนกันยายน 2017 ราคาร่วง 8%
ที่มา : coindesk.com