ศักยภาพของ Ether เหนือว่า Bitcoin มาก และชุมชนต่างกำลังเริ่มเข้าใจคุณค่าของ ETH แล้ว
ในช่วงครึ่งหลังของปี 2020 เราพบว่าความสนใจคริปโตเคอร์เรนซีมาจากนักลงทุนสถาบันและนักลงทุนรายใหญ่มากขึ้น ทั้งนี้ความสนใจไม่ว่าจะมาจากพวกวาฬและสาธารณะต่างก็จับจ้องไปยัง Bitcoin (BTC) เป็นส่วนใหญ่ วันนี้ เราจะลองมาลองพิจารณาดูว่า ทำไม Ether (ETH) เป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจกว่า และเหตุใดคริปโตเคอร์เรนซีสกุลนี้ควรเป็น “คริปโตเคอร์เรนซีตัวแรก” สำหรับนักลงทุกคน
เริ่มพิจารณาจากตัวเลขต่าง ๆ : ETH เติบโตตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 จากจุดต่ำสุดหลังจากตลาดร่วงในช่วงโคโรนาไวรัสระบาดหนัก สูงถึง 1,200% ขณะที่ Bitcoin เติบโตประมาณ 700% เท่านั้น แน่นนอนว่าเมื่อเปรียบเทียบราคา Bitcoin สูงมากถึง $40,000 และ Ether แตะ $1,4000 ดูไม่น่าประทับใจนัก ยิ่งไปกว่านั้น มูลค่าตามราคาตลาดของ ETH น้อยกว่าปริมาณ Bitcoin ถึง 5 เท่า และสิ่งที่สำคัญมากสำหรับนักลงทุนก็คือ ตัวเลขออกมาดูดีและราคาสูงนั้น ส่งผลให้รายได้สูงตามไปด้วยจริงหรือ?
มีหลายเหตุผลที่แข็งแรงที่เชื่อว่า Ethter ราคาจะเพิ่มสูงขึ้นอีกในปี 2021 และทำกำไรให้แก่นักลงทุนมากกว่า “คริปโตเคอร์เรนซียอดนิยมที่สุด” อย่าง Bitcoin
ความต้องการของนักพัฒนาทั้งหลาย
Ethereum เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มในการสร้างโครงการบล็อกเชนต่าง ๆ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งแอพพลิเคชั่นกระจายศูนย์ กราฟด้านล่างแสดงถึงตัวเลขโทเคนมาตรฐาน ERC-20 ที่ซื้อขายในช่วงปีแรกนับตั้งแต่เครือข่าย Ethereum เปิดตัว อย่างไรก็ตาม แม้ว่าอัตราการขายตัวของตลาดสตาร์ทอัพบล็อกเชนชะลอตัวตั้งแต่เกิดฟองสบู่ ICO ในปี 2018 แต่ตัวเลขโดยรวมยังคงเติบโต
แม้ว่าจริง ๆ แล้ว Ethereum มีคู่แข่งที่แข็งแกร่งหลายราย อย่างเช่น Tron, Polkadot, Cardano, Cosmos และ Tezos แต่แพลตฟอร์มคริปโตเคอร์เรนซีของ Vitalik Buterin ยังคงเป็นผู้นำในเทรนด์นี้
ปริมาณธุรกรรมกำลังเติบโต
ในช่วงปี 2020 เครือข่ายบล็อกเชน Ethereum มีธุรกรรมเกิดขึ้นมากกว่า $1 ล้านล้านเหรียญ ตัวเลขนี้มากกว่าปริมาณธุรกรรมของบริษัทเพย์เมนต์ยักษ์ใหญ่อย่าง PayPal ที่มีผู้ใช้งานกว่า 350 ล้านราย และมีปริมาณธุรกรรมเฉลี่ยไม่เกิน $200 พันล้านเหรียญต่อไตรมาส
นอกจากนี้ อย่าลืมว่าแต่ละธุรกรรมจะมีค่าธรรมเนียม ETH เกิดขึ้น เนื่องจากอัตราเติบโตของเครือข่ายนี้ยังคงสูงขึ้น เราสามารถคาดหวังได้ว่า ETH เป็นเทรนด์ “ขาขึ้น” ต่อไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม การสนใจคริปโตเคอร์เรนซีกำลังเพิ่มขึ้น ทั้งในแง่ของจำนวน wallet ที่ใช้งานอยู่ จำนวนธุรกรรมของเครือข่าย และขนาดธุรกรรมเฉลี่ยที่เกิดขึ้น
การพัฒนาในแวดวง DeFi
แม้ว่า Bitcoin เป็นผู้นำในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี แต่ Ethereum ยังคงเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมการเงินแบบกระจายศูนย์น้องใหม่ ได้รับความนิยมสูงในช่วงฤดูร้อนปี 2020 โครงการให้ยืมและการวางเดิมพันใน DeFi เติบโตอย่างต่อเนื่อง ดึงดูดการลงทุนใหม่ ๆ ตามมา
มูลค่ารวมที่ล็อกเอาไว้ (TVL) ในการเงินแบบกระจายศูนย์นับตั้งแต่เริ่มเปิดตัวในปี 2020 เติบโตเกือบ 3,300% จาก $687 ล้านเหรียญ กลายเป็น $23.2 พันล้านเหรียญ และ Ethereum เป็นแพลตฟอร์มหลักที่โครงการ DeFi และ stablecoin ส่วนใหญ่ เลือกใช้งานและเปิดตัวโครงการ
เหรียญ Stablecoin เปิดตัวออกมาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่หนุนผูกเอาไว้กับมูลค่าของสกุลเงินตราที่มีความผันผวนน้อย กลายเป็นเครื่องมือที่สะดวกมากสำหรับแลกเปลี่ยนกันระหว่างผู้ใช้งาน และยังใช้จับคู่ซื้อขายในตลาดซื้อขายคริปโต รวมถึงป้องกันเงินทุนจากความผันผวนสูงในตลาดคริปโต อีกด้วย
เมื่อเราพูดถึงความสนใจของนักลงทุนสถาบันในการเงินแบบกระจายศูนย์ ในเวลาเดียวความยุ่งเหยิงในตลาด DeFi เกือบทำลายความเชื่อมั่นของนักลงทุนสถาบันต่อศักยภาพของบล็อกเชนในวงการเงินในช่วงฤดูร้อนปี 2020 ต่อมาบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ต่างสนใจในสินทรัพย์รูปแบบใหม่นี้อย่างต่อเนื่อง
ในเดือนสิงหาคม 2020 Archax และ Algorand เปิดเผยว่ามีแผนพัฒนาเครื่องมือออกผลิตภัณฑ์ DeFi ออกมา และในฤดูร้อน 2020 นั้น xSigma ซึ่งทราบกันดีว่าเป็นบริษัทย่อยของ ZK International ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ Nasdaq กำลังดำเนินการพัฒนาให้บริการ DeFi เตรียมเปิดตัวตลาดแบบกระจายศูนย์ (DEX) สำหรับการซื้อขายเหรียญ stablecoin โดยเฉพาะ
เราต่างจำกันได้ว่านักลงทุนรายใหญ่ต่างให้ความสนใจ Bitcoin ในปีที่ผ่านมา ใช่ไหม? ตอนนี้ ดูเหมือนว่าสินทรัพย์อื่น ๆ ในอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซีก็มีลักษณะคล้ายกันมาก และส่วนมากเกี่ยวข้องกับ Ethereum โดยตรง ข้อได้เปรียบหลักของ Ethereum นั้น ขึ้นอยู่ความความสามารถรอบด้านของเทคโนโลยีและชุมชนกำลังเติบโตอย่างมากนั่นเอง
ที่มา : cointelegraph.com
——————————————————–
สนับสนุนโดยกลุ่ม Coin Thai Talk : https://www.fb.com/groups/CoinThaiTalk/ กลุ่มใหม่ของคนรักคริปโต
