รัฐบาลจีนจะไม่สั่งห้ามกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin เนื่องจากคริปโตเคอร์เรนซีทำหน้าที่เป็นสินค้าโภคภัณฑ์เสมือน (virtual commodity)
จีนเป็นหนึ่งในประเทศที่เข้มงวดการซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีที่สุดในโลก แต่ก็ไม่ได้แบน Bitcoin (BTC) อย่างสิ้นเชิง องค์กรอนุญาโตตุลาการที่ไม่แสวงหากำไรกล่าว
เมื่อวันที่ 30 กรกฎาคม คณะกรรมาธิการอนุญาโตตุลาการปักกิ่ง หรือ BAC (Beijing Arbitration Commission) เผยแพร่รายงานออกมาว่า การสั่งห้าม Bitcoin ของทางการจีน นั้นเหมาะสมกว่าที่หลายคนคิดเอาไว้
Bitcoin ไม่ถือว่าเป็นเงินตราในประเทศจีน
ในรายงาน ทาง BAC ชี้แจงถึงจุดยืนทางกฎหมายของจีนต่อคริปโตเคอร์เรนซีอย่าง Bitcoin และสรุปเอาไว้ว่ากิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโตหลัก ๆ นั้น ได้สั่งห้ามโดยรัฐบาล
BAC ยังระบุเอาไว้อีกว่า จีนไม่อนุญาตให้ระดมทุนผ่านโทเคนและแพลตฟอร์มซื้อขายจากตลาด (exchange) ที่มีส่วนเกี่ยวข้องแลกเปลี่ยนระหว่างเงินตราที่ใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย (legal tender) กับสกุลเงินเสมือน (virtual currency) หรือโทเคน (token)
คณะกรรมาธิการฯ ยืนยันว่า กฎหมายเดียวกันที่สั่งห้ามคริปโตเคอร์เรนซีไม่ให้ใช้เป็นเงินตรา มองว่ามันเป็นสินค้าโภคภัณฑ์เสมือน (virtual commodity)
ยิ่งไปกว่านั้น กฎหมายที่มีอยู่ ตามความเห็นของ BAC แล้ว มองว่าไม่ได้ชี้ชัดมากพอที่จะกำหนดให้ Bitcoin เป็นสินทรัพย์เสมือน (virtual property)
โดย ‘หลักการทั่วไปของกฎหมายแพ่ง’ แล้ว ไม่ได้ออกข้อกำหนดชี้ชัดเฉพาะเพื่อขยายและนิยามความหมายของสินทรัพย์เสมือนเอาไว้ เพียงแต่กำหนดว่าการคุ้มครองสินทรัพย์เสมือนจะต้องกำหนดกฎเกณฑ์ให้เป็นไปตามกฎหมาย และมาตรการการคุ้มครองสินทรัพย์เสมือนจะต้องสอดคล้องกับกฎหมายอื่น ๆ ด้วย เนื่องจากปัจจุบันประเทศยังไม่มีกฎหมาย Bitcoin โดยเฉพาะ มันจึงไม่สามารถจำแนกเป็นสินทรัพย์เสมือนได้
“โดยสรุปแล้ว รัฐไม่ได้สั่งห้ามกิจกรรม Bitcoin อย่างสิ้นเชิง เนื่องจากเป็นสินค้าโภคภัณฑ์เสมือน ยกเว้นกิจกรรม Bitcoin ที่มีความเกี่ยวข้องใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย” รายงานเสริม
ยิ่งไปกว่านั้น Bitcoin ไม่ถือว่าเป็นเงินตราในประเทศ เนื่องจากรัฐบาลยังไม่อนุญาตให้ใช้ Bitcoin ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย เหตุที่ Bitcoin ไม่สามารถเป็นตัวเลือกใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายหรือเป็นเงินตราได้ จึงไม่ควรเกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่ผิดกฎหมายนั่นเอง BAC กล่าว
การสั่งห้ามธุรกรรมต่าง ๆ นั้น ได้แก่ Bitcoin ที่ถูกใช้เป็นเงินตรา หาก Bitcoin ไม่ได้เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทำหน้าที่เป็นเงินตรา มันก็ไม่ถือว่าเป็นกิจกรรมต้องห้ามโดยรัฐ ยกตัวอย่างเช่น ในข้อพิพาทสัญญาโอนหุ้นจากการตัดสินของศาลอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศที่เซินเจิ้น (Shenzhen Court of International Arbitration) ได้สั่งให้บุคคลสองฝ่ายตกลงที่จะคืน Bitcoin เนื่องจาก Bitcoin ถูกใช้เป็นสินทรัพย์ทั่วไปเท่านั้น ดังนั้นการทำธุรกรรมไม่ได้ละเมิดกฎระเบียบของประเทศและการตัดสินนั้นเหมาะสมแล้ว
จีนไม่ได้สั่งห้าม Bitcoin อย่างสิ้นเชิง และหนุนเทคโนโลยีบล็อกเชนอย่างเต็มที่
จีนกลายเป็นหนึ่งในประเทศที่เข้มงวดที่สุดในเรื่องคริปโต หลังจากมีการกำกับดูแลตลาดซื้อขายคริปโตในประเทศเมื่อย้อนกลับไปในปี 2017 อย่างเข้มงวด ตลาดซื้อขายคริปโตรายใหญ่ที่สุดของโลกอย่าง Binance แต่เดิมนั้นก่อตั้งขึ้นในจีน แต่ย้ายออกจากประเทศเนื่องจากปัญหากฎระเบียบของประเทศ
อย่างไรก็ตาม แม้ว่ามีความเคลื่อนไหวดำเนินการด้านกฎระเบียบต่อ Bitcoin อย่างเข้มงวด แต่จีนก็ไม่ได้สั่งห้ามคริปโตเคอร์เรนซีทั้งหมดอย่างสิ้นเชิง ในเดือนพฤศจิกายน 2019 มีรายงานว่า ทางการจีนบอกว่าการขุด Bitcoin มิได้เป็นอุตสาหกรรมที่ผิดกฎหมายในประเทศแต่อย่างใด
รัฐบาลจีนเป็นที่ทราบกันดี มองว่า “Blockchain ไม่ใช่ Bitcoin” เนื่องจากประธานาธิบดีสิจิ้น ผิง เรียกร้องให้ประเทศให้ความสำคัญต่อการพัฒนาบล็อกเชนในช่วงปลายปี 2019
นอกจากนี้ การพัฒนาบล็อกเชนจีนรุดหน้าไปมากแล้ว อย่างเช่น มีเครือข่ายบริการบล็อกเชนแห่งชาติเกิดขึ้น การพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางจีนก็กำลังคืบหน้าเช่นกัน ในเดือนเมษายน ปี 2020 จีนได้นำร่องโครงการเงินหยวนดิจิทัลในสี่เมืองหลักของประเทศ ได้แก่ เซินเจิ้น เฉิงตู ซูโจว และซีอน อีกด้วย
ที่มา : cointelegraph.com
——————————————————–
สนับสนุนโดยกลุ่ม Coin Thai Talk : https://www.fb.com/groups/CoinThaiTalk/ กลุ่มใหม่ของคนรักคริปโต