Monday, November 25, 2024
Homeข่าวสาร คริปโตข่าว Bitcoinราคา Bitcoin จะร่วงหนักหรือไม่ หากสงครามการค้าสหรัฐฯ – จีน ปะทุขึ้นอีกครั้ง?

ราคา Bitcoin จะร่วงหนักหรือไม่ หากสงครามการค้าสหรัฐฯ – จีน ปะทุขึ้นอีกครั้ง?


ราคา Bitcoin ร่วง 31% หลังจากสหรัฐฯตั้งกำแพงภาษีจีน ครั้งนี้จะแตกต่างกันจากเดิมหรือไม่?

สงครามการค้าสหรัฐฯ – จีน เริ่มขึ้นในเดือนมกราคม 2018 เมื่อมีการตั้งกำแพงภาษีต่อสินค้าจีนในเดือนกรกฎาคมในปีเดียวกัน ราคา Bitcoin (BTC) ร่วง 31% จากราคา $8,487 เหลือ $6,000

ล่าสุด สหรัฐฯ และจีน กำลังเข้าสู่สงครามการค้าครั้งใหม่ เนื่องจากทั้งสองประเทศต่อสู้หาต้นกำเนิดของโคโรนาไวรัส ประธานาธิบดีทรัมป์เตือนว่า ข้อตกลงทางการค้าที่ลงนามแล้ว“จะไม่รู้สึกแบบนั้นอีกแล้วสำหรับฉัน” โดยแสดงท่าทีออกจากข้อตกลงอย่างชัดเจน

ราคาสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำจากมูลค่าราคาตลาด (CoinMarketCap) เผชิญกับความเสี่ยงจากสงครามการค้าเต็มรูปแบบระหว่างสองมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ที่จะหวนกลับมาอีกครั้ง

นักลงทุนจีนครองส่วนแบ่งตลาด Bitcoin ค่อนข้างสูง

ข้อมูลรายงานของ Diar เมื่อกลางปี 2019 ที่ผ่านมา ความต้องการ Tether ในจีนสูงถึง $10 พันล้านดอลลาร์ ภายในเดือนมิถุนายน 2019 คิดเป็น 62% ของ Tether ที่หมุนเวียนทั้งหมด ในไตรมาสที่สองของปีที่แล้ว

Diar รายงานว่า

ข้อมูลที่ Diar ได้มาจาก Chainalysis บริษัทวิเคราะห์บล็อกเชน พบว่าความต้องการ Tether ของจีนมีมากกว่า $16 พันล้านดอลลาร์ ผ่านตลาด Exchange ต่าง ๆ ในปี 2018 ปีนี้ จำนวนยังคงโดดเด่นยืนเหนือ $10 ล้านดอลลาร์…นับตั้งแต่ปี 2019 จนถึงปัจจุบัน นักลงทุนจีนเข้าสู่ตลาดมูลค่ากว่า $7 พันล้านดอลลาร์ของมูลค่าธุรกรรมทั้งหมดในปี 2017

China’s share of the Tether market
สัดส่วนของนักลงทุนจีนในตลาด Tether ที่มา: Diar

นอกเหนือจากผู้ใช้งาน Tether ในจีนค่อนข้างสูงแล้ว มีรายงานว่าตลาด Exchange สองรายได้รับอนุมัติจากทางการจีน โดยให้ความสำคัญต่อนักลงทุนสถาบัน

คุณ Matthew Graham ซีอีโอ Sino Global Capital บอกว่า

ดูเหมือนว่าเรื่องราวของจีนดังขึ้นเรื่อย ๆ 1) Huobi และ OKEx ได้รับอนุมัติ (‘institutionalization’) 2) Binance และตลาด exchange ระดับนานาชาติ ส่วนใหญ่คลี่คลายลง …

แม้จะมีการห้ามซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีอย่างเข้มงวด นักลงทุนชาวจีนก็ยังครองส่วนแบ่งตลาด Bitcoin ค่อนข้างสูง

หากเงินทุนไหลเข้าจีนน้อยลง เนื่องจากความตึงเครียดจากสหรัฐฯ จะสร้างแรงกดดันสูงต่อสินทรัพย์ อย่างเช่น ตลาดหุ้น และ Bitcoin

ข้อมูลในอดีตแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ความเสี่ยงทางการเมืองในอดีตทำให้มีการถอน Bitcoin มากขึ้น

ยกตัวอย่างเช่น ราคา Bitcoin ร่วงจาก $8,487 เหลือ $6,000 ในเดือนกรกฎาคม 2018 ภายในสองสัปดาห์ หลังจากสหรัฐฯ ขึ้นภาษีสินค้าจีนมูลค่า $34,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

Bitcoin price chart when tariffs were imposed in 2018
กราฟราคา Bitcoin ช่วงตั้งกำแพงภาษี ปี 2018 ที่มา: Tradingview

ความต้องการของนักลงทุนสถาบันอาจลดลง

ข้อตกลงทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ – จีน อาจทำให้ความเชื่อมั่นต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ ลดลง

จีนกำลังดิ้นรนตอบสนองความต้องการซื้อสินค้าในช่วงข้อตกลงเฟสหนึ่ง และคาดว่าจะพลาดข้อตกลงบางอย่าง

การปรับฐานของตลาดหุ้น ได้รับปัจจัยหนุนจากสงครามทางการค้าสหรัฐฯ-จีน ท่ามกลางธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กกำลังเผชิญกับภาวะล้มละลาย สร้างแรงกดดันต่อนักลงทุนสถาบัน ส่งผลให้ความต้องการ Bitcoin ลดลงไปด้วย

ที่มา :   cointelegraph.com
——————————————————–
สนับสนุนโดยกลุ่ม Coin Thai Talk : https://www.fb.com/groups/CoinThaiTalk/ กลุ่มใหม่ของคนรักคริปโต

Sponsorspot_img
spot_img
spot_img
spot_img
ติดตาม Siambitcoin

ข่าวล่าสุด