คริปโทเคอร์เรนซีเป็นเทคโนโลยีที่น่าสนใจซึ่งกำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการทำธุรกรรมของเรา เทคโนโลยีหลักที่อยู่เบื้องหลังคริปโทเคอร์เรนซีคือ บล็อกเชน ซึ่งเป็นระบบบัญชีแยกประเภทแบบกระจายศูนย์ที่บันทึกธุรกรรมทั้งหมดบนเครือข่าย
บทความนี้จะอธิบายถึงประวัติคร่าวๆ ของเทคโนโลยีบล็อกเชนและคริปโทเคอร์เรนซี
- จุดกำเนิดของบล็อกเชน: เริ่มต้นตั้งแต่ปี 1991 กับระบบของ Stuart Haber และ W. Scott Stornetta
- Proof-of-Work (PoW) ที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้: แนวคิดของ Hal Finney กับระบบ RPoW
- Bitcoin: คริปโทเคอร์เรนซีแรกของโลก
- Ethereum: แพลตฟอร์ม Smart Contract ที่ใช้บล็อกเชนยอดนิยม
จุดกำเนิดของบล็อกเชน
แนวคิดเบื้องหลังบล็อกเชนมีมานานแล้ว ย้อนกลับไปในปี 1991 นักวิทยาศาสตร์วิจัย Stuart Haber และ W. Scott Stornetta นำเสนอระบบสำหรับการประทับเวลาเอกสารดิจิทัลเพื่อป้องกันการแก้ไขย้อนหลัง ระบบของพวกเขาใช้ห่วงโซ่ของบล็อกที่เข้ารหัสลับ ซึ่งคล้ายคลึงกับบล็อกเชนที่ใช้ในปัจจุบัน
ในปี 1992 มีการรวมแผนภูมิแสดงลำดับ Merkle เข้ากับการออกแบบ ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีนี้ไม่ได้ถูกนำไปใช้จริง และสิทธิบัตรก็หมดอายุลงในปี 2004
Proof-of-Work (PoW) ที่นำกลับมาใช้ใหม่ได้
ในปี 2004 Hal Finney ได้พัฒนาระบบ RPoW ซึ่งเป็นระบบ Proof-of-Work (PoW) ที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ ระบบนี้ช่วยแก้ปัญหาการใช้จ่ายซ้ำซ้อนโดยใช้โทเค็น Proof-of-Work (PoW) ที่ลงนาม RSA ซึ่งสามารถโอนจากบุคคลหนึ่งไปยังอีกบุคคลหนึ่งได้ RPoW ถือเป็นต้นแบบของคริปโทเคอร์เรนซีสมัยใหม่
Bitcoin
ในปี 2008 เอกสารไวท์เปเปอร์ของ Bitcoin ได้รับการเผยแพร่โดยบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ใช้นามแฝงว่า Satoshi Nakamoto Bitcoin เป็นระบบเงินสดอิเล็กทรอนิกส์แบบ Peer-to-Peer (P2P) ที่ใช้บล็อกเชนเพื่อติดตามและตรวจสอบธุรกรรม
Bitcoin ใช้กลไก Proof-of-Work (PoW) แบบกระจายศูนย์เพื่อป้องกันการใช้จ่ายซ้ำซ้อน ผู้ขุด Bitcoin จะแข่งขันกันเพื่อหาบล็อกใหม่ และผู้ที่ขุดได้สำเร็จจะได้รับรางวัลเป็น Bitcoin
บล็อกแรกของ Bitcoin ถูกขุดขึ้นในวันที่ 3 มกราคม 2009 โดย Satoshi Nakamoto Hal Finney เป็นผู้รับ Bitcoin คนแรก โดยเขาได้รับ 10 Bitcoin จาก Satoshi Nakamoto ในวันที่ 12 มกราคม 2009
Ethereum
ในปี 2013 Vitalik Buterin เสนอแพลตฟอร์ม Ethereum ซึ่งเป็นบล็อกเชนที่รองรับ Smart Contract Smart Contract คือโปรแกรมที่ทำงานบนบล็อกเชน Ethereum ซึ่งสามารถใช้สร้างแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (DApp)
Ethereum มีโทเค็นดิจิทัลของตัวเอง called Ether (ETH) ซึ่งสามารถใช้เพื่อชำระค่าธรรมเนียมสำหรับธุรกรรมบนเครือข่าย Ethereum
บทสรุป
เทคโนโลยีบล็อกเชนมีศักยภาพที่จะเปลี่ยนแปลงระบบเศรษฐกิจโลก คริปโทเคอร์เรนซีเป็นเพียงหนึ่งในหลาย ๆ แอปพลิเคชั่นของเทคโนโลยีนี้ ในอนาคต เราอาจเห็นการใช้บล็อกเชนในหลากหลาย lĩnh vực เช่น การจัดการห่วงโซ่อุปทาน การลงคะแนนเสียง และอื่นๆ
วิธีสมัคร Binance TH
สมัคร BinanceTH
สามารถซื้อขายได้ที่ BinanceTH
หมายเหตุ: คริปโทเคอร์เรนซีและโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้