บริษัทแลกเปลี่ยนคริปโต FTX กำลังสูญเสียสภาพคล่องอย่างรวดเร็วหลังจากที่ CEO ของ Binance ประกาศจะเทขาย FTT ที่บริษัทถือครองไว้ทั้งหมดเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา
การถอน ETH ออกจาก FTX ก็แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เช่นกัน ซึ่งอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความกังวลของผู้ฝากเกี่ยวกับความปลอดภัยของเงินทุนของพวกเขา
ตามกระทู้ทวีตของ Ki Young Ju ซีอีโอของ CryptoQuant พบว่า ปัจจุบัน FTX มีเหรียญ Stablecoin มูลค่า 104.9 ล้านดอลลาร์ในการสำรองออนไลน์ เมื่อวานนี้ เขารายงานว่าตัวเลขดังกล่าวเหลือเพียง 51 ล้านดอลลาร์ ลดลง 93% ในช่วงสองสัปดาห์ และต่ำสุดในรอบปี
Ju อ้างอิงข้อมูลจาก Nansen ในวันจันทร์ ซึ่งระบุว่า เงินสำรอง Stablecoin ของ FTX อยู่ที่ 93 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นอีกว่า เว็บเทรดได้ดำเนินการไหลออกสุทธิมากกว่า 450 ล้านดอลลาร์ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาและเกือบ 700 ล้านดอลลาร์ใน 48 ชั่วโมงที่ผ่านมา
ในขณะที่ FTX กำลังสูญเสียผู้ฝากเงิน แต่ทาง Binance ดูเหมือนว่าจะได้รับเงินไหลเข้าประมาณ 411 ล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาเดียวกัน
FTT เป็นโทเคนดั้งเดิมของ FTX ซึ่งให้ผลประโยชน์มากมายแก่ผู้ถือในแพรตฟอร์ม โดยโทเคนลดลง 10% ในช่วงสุดสัปดาห์หลังจาก CZ ยืนยันว่า Binance จะเทขาย FTT ทั้งหมด มูลค่ารวมกว่า 584 ล้านดอลลาร์
CZ กล่าวว่าการขาย FTT เป็นรูปแบบหนึ่งของ “การจัดการความเสี่ยง” เพื่อตอบสนองต่อ “ข้อมูลทางการเงินล่าสุดที่ได้รับการเปิดเผย” เขาเสริมว่าบริษัทของเขาจะไม่ “สนับสนุนคนที่ล็อบบี้กับผู้เล่นในอุตสาหกรรมรายอื่นลับหลัง”
Binance วางแผนที่จะปล่อยขายโทเคนดังกล่าวอย่างค่อยเป็นค่อยไปในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เพื่อลดผลกระทบต่อตลาดให้เหลือน้อยที่สุด
ความกังวลเริ่มก่อตัว
ความคิดเห็นของ CZ และคลื่นการถอน FTX ที่ตามมาได้จุดประกายความกลัวให้กับชุมชน crypto บน Twitter และมีน้ำเสียงมากมายบอกให้ผู้ใช้รีบถอนเงินออกจาก FTX
Sam Bankman-Fried (SBF) ซีอีโอของ FTX ปฏิเสธว่าเว็บเทรดของเขาไม่ได้มีปัญหาทางการเงิน และสามารถดำเนินการถอนเงินได้อย่างเต็มที่
Alameda ซึ่งเป็นบริษัทในเครือที่ SBF เป็นเจ้าของ กำลังถูกตั้งคำถามเกี่ยวกับสถานะการเงิน เนื่องจากบริษัทเปิดรับ FTT เป็นจำนวนมาก ซึ่งซีอีโอของบริษัทเสนอให้ซื้อ FTT จาก Binance มากที่สุดเท่าที่จะขายได้ และดูเหมือนว่าบริษัทจะเริ่มโอน Stablecoin ไปยัง Hot Wallet ของ FTX แล้ว
ที่มา : cryptopotato.com
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่ช่องทางต่างๆเพียงคลิกที่ Line , Facebook , Twitter และ Telegram
