จากข้อมูลที่รวบรวมจาก Dune Analytics พบว่า ปริมาณการซื้อขายรายสัปดาห์ของ nonfungible tokens หรือ NFT ทั้งหมดบล็อคเชน ลดลงเหลือ 114.4 ล้านดอลลาร์
ซึ่งแสดงถึงการลดลง 98% จาก 6.2 พันล้านดอลลาร์ที่เคยเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือนมกราคม โดยปริมาณการซื้อขาย NFT รายสัปดาห์เพิ่มขึ้นสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 146.3 พันล้านดอลลาร์ในช่วงต้นเดือนเมษายน ก่อนร่วงลงจากหน้าผาในเดือนพฤษภาคมด้วยการมาของตลาดหมี crypto ที่ส่งผลมาถึงปัจจุบัน
ในเวลาเดียวกัน จำนวนกระเป๋าที่เป็นเจ้าของ NFT อย่างน้อยหนึ่งรายการได้พุ่งสูงขึ้นเป็น 6.14 ล้าน เทียบกับ 3.36 ล้าน ณ สิ้นเดือนมกราคม
ราคาของ NFT ก็ลดลงอย่างรวดเร็วเช่นกัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการลดลงของราคา Ether (ETH) ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ใช้กันทั่วไปในการซื้อและขายของสะสมดิจิทัล ปัจจุบัน NFT สามารถทำกำไรได้เพียง 285 ดอลลาร์ต่อการขายโดยเฉลี่ย เทียบกับประมาณ 2,000 ดอลลาร์ในช่วงต้นเดือนมกราคม
ในการให้สัมภาษณ์กับ Cointelegraph นาย Tony Ling ผู้ก่อตั้ง NFTGo กล่าวว่า นวัตกรรมจะยังคงผลักดันให้เกิดการนำ NFT ไปใช้แม้ว่าตลาดจะตกต่ำ เมื่อเร็ว ๆ นี้ที่ทำการไปรษณีย์ในออสเตรียได้ทดลองใช้ตราประทับ NFT ในขณะที่ Mastercard ได้เปิดตัวบัตรเดบิตที่รองรับธุรกรรม NFT
ผู้ผลิตเครื่องประดับสุดหรู Tiffany & Co. ได้เปิดตัวจี้แบบกำหนดเองสำหรับผู้ถือ CryptoPunk NFT อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบเป็นเดือนต่อเดือนตลาด NFT ยังคงตกต่ำลงอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากปริมาณการซื้อขาย NFT รายสัปดาห์โดยเฉลี่ยลดลงประมาณ 30% เมื่อเทียบกับในเดือนสิงหาคม
ที่มา : cointelegraph.com
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่ช่องทางต่างๆเพียงคลิกที่ Line , Facebook , Twitter และ Telegram