ธนาคารกลางยุโรปเลือก Amazon และบริษัทเล็กๆ อื่นๆ จากผู้สมัคร 54 ราย เพื่อช่วยในการพัฒนา CBDC prototype ที่เรียกว่า “ยูโรดิจิทัล“
เมื่อวันที่ 16 กันยายน ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ได้ประกาศรายชื่อบริษัท 5 แห่งที่ได้รับเลือกให้ช่วยในการพัฒนาอินเทอร์เฟซผู้ใช้สำหรับกรณีการใช้งานสกุลเงินยูโรดิจิทัล ซึ่งรวมถึงบริษัทอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon, ธนาคาร Nexi ของอิตาลี และธนาคาร CaixaBank ของสเปน
ECB ร่วมมือกับบริษัทบุคคลที่สามพัฒนาสกุลเงินยูโรดิจิทัล
จากข้อมูลของ ECB บริษัทต่างๆ จะทำงานในพื้นที่แยกต่างหากของโครงการพัฒนา CBDC เพื่อทดสอบ ‘ยูโรดิจิทัล’ ในกรณีการใช้งานต่างๆ
แต่ละบริษัทจะเน้นไปที่กรณีการใช้งานส่วนบุคคล โดย Amazon จะรับผิดชอบการทดสอบระบบการชำระเงินอีคอมเมิร์ซ ส่วน CaixaBank และ Worldline จะรับผิดชอบในการสร้างต้นแบบการชำระเงินแบบ P2P ในขณะที่ EPI และ Nexi จะทำงานเกี่ยวกับการชำระเงิน ณ จุดขายสำหรับร้านค้าปลีก
แม้ว่าบริษัทเอกชนเหล่านี้จะทำงานในกรณีการใช้งานและการบูรณาการที่แตกต่างกัน แต่ธนาคารกลางยุโรปเป็นเพียงที่เดียวที่รับผิดชอบดูแลโค้คและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของ CBDC
CBDC prototype จะใช้เพื่อการทดสอบเท่านั้น
Prototype ที่สร้างขึ้นโดยบริษัทเหล่านี้จะใช้เพื่อทดสอบการทำงานของเงินยูโรดิจิทัลเท่านั้น ตามที่ ECB ระบุ พวกเขาจะไม่ใช้ในระยะต่อไปของโครงการ
ECB กล่าวว่า โครงการ CBDC อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายและจะพร้อมใช้ภายในไตรมาสแรกของปี 2023 ซึ่งเป็นไปตามที่ประกาศก่อนหน้านี้
Roberto Catanzaro ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ของ Nexi Group และสมาชิกของ Digital Euro Market Advisory Group กล่าวในแถลงการณ์ของบริษัทว่า Nexi Group ภูมิใจที่แพลตฟอร์มการชำระเงินของตนได้มีส่วนสนับสนุนการพัฒนาเงินยูโรดิจิทัล
ECB ประเมินความเสี่ยงของการเปิดตัวยูโรดิจิทัล
ตามรายงานของสำนักข่าวท้องถิ่นของสเปน “ El Economista ” เปิดเผยว่า ECB กลัวว่า การเปิดตัวของเงินยูโรดิจิทัลอาจทำให้เกิด “เงินฝากรั่วไหลในธนาคารพาณิชย์” ซึ่งเป็นสาเหตุที่พวกเขากำลังทำงานร่วมกับผู้ให้บริการชำระเงินชั้นนำหลายรายเพื่อวิเคราะห์ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการเปิดตัว CBDC สำหรับทั้งบุคคลและธุรกิจ
เป็นที่ลือกันว่า ความกังวลของ ECB มาพร้อมกับความผิดพลาดทางเศรษฐกิจอย่างรุนแรงอย่างที่เคยเกิดขึ้นกับ Banco Popular ของสเปนได้รับความเดือดร้อนในปี 2017 ในระหว่างเหตุการณ์นี้ บริษัทและหน่วยงานสาธารณะหลายแห่งถอนเงินทุนในเวลาน้อยกว่าสองเดือน ทำให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยมากกว่า 300,000 รายต้องเสียเงินทั้งหมดของพวกเขาไป
นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ ECB กล่าวเมื่อเร็วๆ นี้ ในงานประชุมที่จัดโดยคณะกรรมการเศรษฐกิจและสังคมแห่งยุโรปว่า เงินยูโรดิจิทัลจะมุ่งเป้าไปที่การค้าปลีก ดังนั้นการใช้งานจะถูกจำกัดเฉพาะบุคคลบางประเภท ป้องกันไม่ให้บริษัทใช้เพื่อชำระใบแจ้งหนี้หรือเพื่อทำธุรกรรมบนแพลตฟอร์มแบบกระจายอำนาจ
ที่มา : cryptopotato.com
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่ช่องทางต่างๆเพียงคลิกที่ Line , Facebook , Twitter และ Telegram