การศึกษาโดย UN เผยเคนยาเป็นผู้นำในการยอมรับ Crypto
การศึกษาที่ดำเนินการโดยสหประชาชาติ (UN) ระบุว่า 8.5% ของประชากรเคนยาเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งคิดเป็นประมาณ 4.25 ล้านคน สิ่งนี้ทำให้ประเทศเป็นผู้นำในการยอมรับคริปโตเคอเรนซีทั่วแอฟริกา ในขณะที่ยูเครนอยู่ในอันดับต้นๆ ของโลก โดย 12.7% ของผู้อยู่อาศัยเป็น HODLers
เคนยาซึ่งเป็นประเทศในแอฟริกาถือเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมในทวีปนี้ เชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมสกุลเงินดิจิทัลมาหลายปีแล้ว ในปี 2020 ท่ามกลางวิกฤต COVID-19 พลเมืองของประเทศที่กำลังดิ้นรนต่อสู้ได้หันไปใช้สินทรัพย์ดิจิทัลในท้องถิ่น (เช่น Sarafu) เพื่อช่วยเหลือปัญหาทางการเงินของพวกเขา
จากการศึกษาของ UN เมื่อเร็ว ๆ นี้ ความสนใจของชาวเคนยาใน crypto ได้เพิ่มขึ้นในปีต่อๆ มา และปัจจุบันเป็นประเทศในแอฟริกาชั้นนำในแง่ของ HODLers
รายงานระบุว่า 8.5% ของประชากรในประเทศ หรือมากกว่า 4.2 ล้านคนเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัล ในการเปรียบเทียบ 7.1% ของชาวแอฟริกาใต้และ 6.3% ของชาวไนจีเรียมี Bitcoin หรือเหรียญทางเลือก
เป็นที่น่าสังเกตว่าอัตราการยอมรับ crypto ของเคนยานั้นแซงหน้าประเทศเศรษฐกิจชั้นนำ รวมถึงสหรัฐอเมริกา (8.3%) อย่างไรก็ตาม เป็นการยากที่จะกำหนดมูลค่าของสกุลเงินดิจิทัลที่ถือครองโดยชาวเคนยา เนื่องจากขาดการกำกับดูแลในภาคส่วนนี้
“ผลตอบแทนจากการซื้อขายและการถือครองสกุลเงินดิจิทัลนั้นมีความเฉพาะตัวสูง เช่นเดียวกับการซื้อขายเก็งกำไรอื่นๆ ในแง่ดุลยภาพ ความเสี่ยงและต้นทุนที่เกิดขึ้นในประเทศกำลังพัฒนาถูกบดบัง ภาคส่วนนี้ไม่ได้รับการควบคุมในประเทศและยังไม่ได้รับการควบคุมเป็นส่วนใหญ่แม้ในประเทศที่พัฒนาแล้ว”
ในบันทึกเมื่อปีที่แล้ว Patrick Njoroge ผู้ว่าการธนาคารกลางกล่าวว่า
“การตัดสินใจของเราที่จะเปลี่ยนไปใช้ Bitcoin นั้นเป็นทั้งกลยุทธ์และเหตุผล เนื่องจากสกุลเงินของเราเป็นเป้าหมายสำหรับ IMF ซึ่งมักอ้างว่าเคนยาชิลลิงมีมูลค่าสูงเกินไป นั้นทำให้เรากำลังสูญเสียมากเกินไปเพียงเพราะใครบางคนที่ IMF ตื่นขึ้นมาบนด้านที่ไม่ถูกต้องของเตียง Bitcoin จะยุติเรื่องนี้”
เมื่อต้นปีนี้ ธนาคารกลางของเคนยา (CBK) แย้งว่า CBDC ที่มีศักยภาพอาจนำประโยชน์บางอย่างมาสู่โครงสร้างพื้นฐานด้านการธนาคารในประเทศและปรับปรุงการชำระเงินข้ามพรมแดน สถาบันยังออกเอกสารอภิปรายเพื่อตรวจสอบว่าคนในพื้นที่สนับสนุนผลิตภัณฑ์ดังกล่าวหรือไม่
ที่มา : cryptopotato
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่ช่องทางต่างๆเพียงคลิกที่ Line , Facebook , Twitter และ Telegram
