ข้อมูลการวิจัยล่าสุดของ Cambridge Center for Alternative Finance (CCAF) เกี่ยวกับการขุด Bitcoin แสดงให้เห็นว่า จีนยังคงครองตำแหน่งอันดับสองในแง่ของอัตรา Hash rate ทั่วโลก
จีนยังคงเป็นผู้นำด้านการขุด Bitcoin อันดับสองของโลก
หลังจากรัฐบาลจีนได้บังคับใช้มาตรการปราบปรามการขุด Crypto อย่างเข้มงวด ทำให้นักขุดจำนวนมากต่างอพยพออกจากประเทศ และส่งผลให้อัตรา Hash rate ของจีนลดลง 46% ในช่วงเวลานั้น อย่างไรก็ตาม สถิติ CCAF ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า จีนยังคงครองส่วนแบ่ง Hash rate ของเครือข่าย Bitcoin เป็นอันดับสอง
CCAF เชื่อว่าคนงานเหมืองที่ตั้งอยู่ในจีนมีแนวโน้มที่จะใช้ประโยชน์จากเครือข่ายส่วนตัวเสมือน (VPN) เพื่อปกปิดตำแหน่งของพวกเขา รายงานระบุว่า ส่วนแบ่ง Hash rate ของเครือข่าย Bitcoin โดยรวมของจีนอยู่ที่ 21.11%
ข้อมูลการวิจัยของ CCAF อ้างอิงจากพันธมิตร Pool เหมืองขุด Foundry, Poolin, Viabtc และ Btc.com นอกจากนี้ Hash rate บางส่วนที่มาจากประเทศจีนแต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์จาก VPN ซึ่งนักวิจัยของ CCAF เชื่อว่า ผู้ขุดเหล่านี้เต็มใจที่จะไม่ปิดบังตำแหน่งของพวกเขา
สหรัฐฯ ครองส่วนแบ่ง Hash rate เครือข่าย Bitcoin มากกว่า 37%
รายงานของ CCAF ระบุว่า นักขุดชาวจีนจำนวนหนึ่งอาจคิดว่าการแบนไม่ให้ดำเนินการขุดไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่ “มีความเป็นไปได้ที่นักขุดชาวจีนจำนวนไม่น้อยจะปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ใหม่อย่างรวดเร็ว และยังคงแอบขุดกันอย่างลับๆ ในขณะที่พวกเขาต้องปิดบังตัวตนโดยการใช้บริการพร็อกซีจากต่างประเทศเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ”
รายงานของ CNBC ระบุว่า แหล่งข่าวที่ไม่ระบุชื่อบอกกับนักข่าว MacKenzie Sigalos ว่านักขุด Bitcoin ยังคงอยู่ในประเทศจีน โดย Hash rate ของจีนนั้นสูงมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ อย่างไรก็ตาม สหรัฐฯ ยังคงครองส่วนแบ่ง Hash rate ของเครือข่าย Bitcoin เป็นอันดับหนึ่งของโลกอยู่ที่ 37.69%
ข้อมูลของ CCAF เมื่อเดือนกรกฎาคมปีที่แล้วแสดงให้เห็นว่าสหรัฐฯ มีอัตรา Hash rate อยู่ที่ 16.8% หากข้อมูลของ CCAF ถูกต้องแสดงว่าอัตรา Hash rate ของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นกว่า 124.34% ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2021 เหตุผลที่ทำให้สหรัฐฯ ครองอันดับหนึ่งเนื่องจากบริษัทเหมืองขุด Foundry USA ได้รวบรวม 19.5% ของอัตรา Hash rate ทั่วโลกในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา และในช่วงระยะเวลาสามเดือนมีการขุดบล็อก 13,182 บล็อก ซึ่ง Foundry USA ค้นพบ 2,566 บล็อก
ที่มา : news.bitcoin.com
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่ช่องทางต่างๆเพียงคลิกที่ Line , Facebook , Twitter และ Telegram