หนุ่มวัย 50 เจ้าของฉายา “พ่อมดคริปโตเคอเรนซี่” ถูกกองปราบรวบคาบ้านพัก หลังรวมหัวกับชาวเวียดนาม หลอกเหยื่อทั้งคนไทยและต่างประเทศให้ลงทุนเงินสกุลดิจิทัล อ้างผลตอบแทนสูงเกินจริง โดยบอกกับนักลงทุนว่าจะได้รับผลตอบแทน 400% ภายใน 200 วัน เชิดเงินกว่า 500 ล้านบาทหนี
รวบแล้ว “พ่อมดคริปโต” หลังเชิดเงินนักลงทุนกว่า 500 ล้านบาท
วันที่ 25 ธ.ค. 64 กองปราบปราม พล.ต.ต.มนตรี เทศขัน ผบก.ป. สั่งการ พ.ต.อ.เผด็จ งามละม่อม ผกก.1 บก.ป. พ.ต.ต.เดชวุฒิ อุตรศาสตร์ สว.กก.1 บก.ป. นำกำลังจับกุม นายมานะ จูเมือง อายุ 50 ปี ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน” ได้ที่หน้าบ้านพัก ในซอยรามอินทรา 34 แยก 22 แขวงท่าแร้ง เขตบางเขน กทม.
กลอุบายนักต้มตุ๋น
นายมานะ ได้ร่วมกับพวกคนไทยและชาวเวียดนาม โดยทำกันเป็นขบวนการโดยนายมานะ จะเป็นหัวหน้าคอยสั่งการ และมักอ้างตัวว่าเป็น “พ่อมดคริปโตเคอเรนซี่” กล่าวว่าเจ้าตัวมีความรู้ความสามารถในวงการคริปโตเคอเรนซี่สูง นายมานะยังอ้างว่าหากนำเงินมาร่วมลงทุนจะได้รับผลตอบแทนสูง โดยบอกกับนักลงทุนว่าจะได้รับผลตอบแทน 400% ภายใน 200 วัน
แก๊งของนายมานะ มีพฤติการณ์ชักชวนกลุ่มผู้เสียหายให้ลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลสกุลเงินที่ชื่อว่า “วันคอยน์” โดยอ้างว่า ได้เปิดร้านขายสินค้าบนแพลตฟอร์มการซื้อขายสินค้าขึ้นมา เป็นแพลตฟอร์มที่เปิดให้มีการซื้อขายสินค้าโดยใช้เงินดิจิทัลสกุล “วันคอยน์” แพลตฟอร์มดังกล่าวจะมีสินค้าลงประกาศขายหลายประเภท อาทิ บ้านพักอาศัย รถยนต์ ที่ดิน ทองคำ อาหารเสริม เครื่องสำอางและเสื้อผ้า ผู้ลงทุนจะได้รับค่าตอบแทนในอัตราสูง ทำให้มีหลายคนตกเป็นเหยื่อนำเงินมาลงทุนจำนวนมากมูลค่ารวมกว่า 500 ล้านบาท ช่วงแรกจ่ายเงินปันผลจริง ต่อมาเมื่อมีจำนวนเหยื่อมากขึ้นจึงเริ่มไม่จ่ายผลกำไรก่อนขาดการติดต่อเชิดเงินหนี กลุ่มผู้เสียหายจึงรวมตัวเข้าแจ้งความตามท้องที่ต่างๆ จนถูกออกหมายจับ ก่อนถูกตำรวจกองปราบฯจับกุมตัวได้เมื่อปลายปี 62
อย่างไรก็ตาม หลังถูกจับกุมในปี 62 นายมานะ ได้ยื่นขอประกันตัวสู้คดี แต่เมื่อได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวแล้ว กลับหลบหนีการพิจารณาในชั้นศาล กระทั่งกองปราบปรามตามรวบตัวได้อีกครั้ง
จากการสอบสวน นายมานะ ให้การปฏิเสธ และไม่ขอให้รายละเอียดใดๆ นอกจากนี้ จากการตรวจสอบประวัติพบยังมีหมายจับในคดีลักษณะเดียวกันติดตัวอีก 14 หมายจับ จึงนำตัวส่งศาลจังหวัดพิจิตร ดำเนินคดีต่อไป
ที่มา www.thairath.co.th
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่ช่องทางต่างๆเพียงคลิกที่ Line , Facebook , Twitter และ Telegram