Brian Armstrong ซีอีโอ Coinbase เผยแพร่มุมมองของเขาผ่าน Medium เมื่อวันที่ 2 มกราคม เกี่ยวกับความก้าวหน้าของวงการคริปโตตลอดกว่าสิบปีที่ผ่านมา
โพสต์ของ Armstrong ได้แรงบันดาลใจจากบทความของ Fred Wilson เกี่ยวกับเทคโนโลยีในทศวรรษที่ผ่านมา Armstrong ตั้งข้อสังเกตว่าคริปโตเคอร์เรนซีชั้นนำไม่เคยล้มเหลวเลยตั้งแต่เกิดขึ้นมากว่าสิบปี แม้จะมีข้อกังขาต่อความอยู่รอดของBitcoin แต่ Armstrong ชี้ว่า สกุลเงินดิจิทัลรุ่งโรจน์จริง ๆ
มีมากกว่า 379 บทความที่เขียนว่า Bitcoin จะพบกับจุดจบ ทว่าไม่เพียงแต่ Bitcoin จะอยู่รอด กลับรุ่งโรจน์ กลายเป็นสินทรัพย์ที่มีประสิทธิภาพที่สุดของทศวรรษนี้ คนที่พร่ำบ่นพิสูจน์ชัดแล้วว่าผิด และเราได้เรียนรู้บทเรียนที่สำคัญเกี่ยวกับธรรมชาติของมนุษย์แล้ว การคิดค้นเรื่องใหม่ ๆ ส่วนใหญ่แน่นอนเป็นแนวคิดขวางโลกและผู้คนพากันเยาะเย้ยในช่วงแรกเสมอ
Armstrong ใช้โอกาสนี้กล่าวถึงความสำเร็จของ Coinbase ตลาดซื้อขายคริปโตของเขาในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แม้หลายคนไม่ได้คิดเช่นนั้นก็ตาม เขาบอกว่า
เมื่อฉันคิดถึงช่วงเริ่มต้นของ Coinbase หลายคนบอกฉันว่าฉันบ้าไปแล้วที่พยายามสร้างกระเป๋าเงินดิจิทัลและตลาด exchange ขึ้นมา ขณะนั้แฮกเกอร์ตัวฉกาจของโลกพยายามโจมตีตลาดซื้อขายคริปโต Mt. Gox และเจ้าอื่น ๆ ต่างได้รับความเสียหาย ด้วยความโชคดีและทักษะ ทำให้ Coinbase รอดจากการถูกโจมตีและสร้างแนวทางใหม่ ๆ ผ่านมาได้ทุกปี
นับตั้งแต่ปี 2012 บริษัทเติบโตกว่า 100 ประเทศทั่วโลก Coinbase สร้างผลิตภัณฑ์หลักและช่วยให้คริปโตเคอร์เรนซีเป็นที่ยอมรับและใช้งานง่ายขึ้น บริษัทยังสร้างเหรียญ Global Digital Asset Exchange (GDAX) ขึ้นมาซื้อขายด้วยคริปโตที่หลากหลาย และยังนำเสนอ API สำหรับนักพัฒนาและร้านค้าที่ต้องการสร้างแอพพลิเคชั่นและรับการชำระเงินเป็นสกุลเงินดิจิทัลอีกด้วย
เขามองว่าการถกกันในเรื่องเทคโนโลยีเป็นเรื่องปกติธรรมดา และมีความเชื่อมั่นต่อสกุลเงินดิจิทัลกับบล็อกเชนอย่างแรงกล้า Armstrong บอกว่า
ฉันเชื่อว่าเรื่องนี้เผ็ดร้อนกว่าการถกเถียงกันเรื่องเทคโนโลยีอื่น ๆ (emacs vs vim, iOS vs Android เป็นต้น) นั่นก็คือ เมื่อผู้คนมีเหรียญของตนเองแล้วมีส่วนได้ส่วนเสียในผลประโยชน์และมีอารมณ์ร่วมด้วย
ขณะนี้กำลังเกิดขึ้นแล้ว Armstrong ชี้ว่า อารมณ์อันแรงกล้าช่วยให้วงการคริปโตและบล็อกเชนก้าวหน้า ทำให้มีเหรียญเกิดขึ้นมากกว่าหนึ่งสกุลหรือบล็อกเชนรุดไปข้างหน้า
เขาลงรายละเอียดเพิ่มเติมในโพสต์ของเขา 10 บทเรียน สรุปได้ดังต่อไป
- Bitcoin ไม่เคยล้มเหลว แม้จะมีขึ้นและมีลง Bitcoin กลายเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพที่สุดในทศวรรษที่ผ่านมา
- Coinbase ไม่ล้มเหลว กว่า 10 ปีที่ผ่านมา Coinbase ช่วยให้คริปโตเคอร์เรนซีใช้งานง่ายขึ้นและสร้างผลิตภัณฑ์หลัก ๆ จำนวนหนึ่ง เพื่อผลักดันให้เป็นที่ยอมรับใช้งาน
- เกิดการแข่งขันขึ้น เมื่อมีการสร้างคริปโตเคอร์เรนซีตัวใหม่ ๆ ขึ้นมา และโปรโตคอลบล็อกเชนมีการเปลี่ยนแปลง การแข่งขันในวงการคริปโตก็เกิดขึ้น ช่วยผลักดันนวัตกรรมให้รุดหน้า
- รอดจากฟองสบู่และเหตุการณ์ร่วงหนัก แม้จะเกิดเหตุการณ์ฟองสบู่และร่วงหนักตามมา วงการคริปโตยังก้าวไปข้างหน้า กำลังดึงดูดนักลงทุนและบริษัทชั้นนำเข้าสู่วงการคริปโต
- การยอมรับแอพช้ากว่าที่คาดไว้ เมื่อ Dapps เริ่มออกมา เป็นที่ยอมรับเล็กน้อย จนกระทั่งจะเพิ่มขึ้นในปีนี้
- ICO บูมและหายไป หลายบริษัทระดมทุนผ่าน ICO ล้มเหลว ไม่สามารถนำผลิตภัณฑ์สู่โลกจริง
- ตลาด Exchange มีมูลค่าที่สุด โมเดลธุรกิจที่ดีที่สุดกว่า 10 ปีที่ผ่านมา เกิดขึ้นในวงการตลาดซื้อขายคริปโต
- การยอมรับเหรียญ Stablecoin เพิ่มขึ้น เพื่อแก้ปัญหาความผันผวนของคริปโต เหรียญ stablecoin จึงเกิดขึ้นมา อย่างเช่น กรณี Libra ของ Facebook
- นักลงทุนสถาบันเข้าสู่วงการ คริปโตเป็นที่ยอมรับจากรายย่อยก่อน และนักลงทุนสถาบันเริ่มเข้าสู่วงการแล้ว
- การกำกับควบคุมดูแล Bitcoin เริ่มต้นจากไม่ได้เกี่ยวข้องกับกฎเกณฑ์ควบคุมใด ๆ ปัจจุบันคริปโตเคอร์เรนซีเริ่มเป็นอุตสาหกรรมที่อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ควบคุมจากหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินแล้ว
ที่มา : cointelegraph.com
——————————————————–
สนับสนุนโดยกลุ่ม Coin Thai Talk : https://www.fb.com/groups/CoinThaiTalk/ กลุ่มใหม่ของคนรักคริปโต