ประกาศนี้มีขึ้นในช่วงที่ค่าเงินเยน ซึ่งเป็นหนึ่งในห้าสกุลเงินสำรองหลักของโลก กำลังอ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่อง สาเหตุหลักมาจากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ)
- Metaplanet ตัดสินใจนำ Bitcoin มาเป็นสินทรัพย์สำรองเพื่อป้องกันความเสี่ยงจากภาระหนี้สินและความผันผวนของเงินเยนญี่ปุ่น
- อัตราส่วนหนี้ต่อจีดีพีของญี่ปุ่นอยู่ที่มากกว่า 250% ซึ่งสูงที่สุดในบรรดาประเทศพัฒนาแล้ว ตามข้อมูลของ IMF
บริษัท Metaplanet ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ได้นำ Bitcoin (BTC) มาใช้เป็นสินทรัพย์สำรองเชิงกลยุทธ์ (strategic reserve asset) เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากภาระหนี้สินของญี่ปุ่นและความผันผวนของเงินเยน
“Metaplanet ประกาศนำ Bitcoin เป็นสินทรัพย์สำรองทางยุทธศาสตร์ การตัดสินใจครั้งนี้เป็นการตอบสนองโดยตรงต่อแรงกดดันทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องในญี่ปุ่น โดยเฉพาะระดับหนี้สินภาครัฐที่สูง ภาวะอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงติดลบเป็นเวลานาน และค่าเงินเยนที่อ่อนแอลง” บริษัทกล่าวในแถลงการณ์ข่าวเมื่อวันจันทร์
ตั้งแต่เดือนเมษายน Metaplanet ซื้อ Bitcoin ไปแล้ว 117.7 BTC (มูลค่า $7.19 ล้านดอลลาร์) โดยทำตามกลยุทธ์ของ MicroStrategy (MSTR) บริษัทจดทะเบียนในสหรัฐอเมริกาที่ซื้อ Bitcoin ไปหลายพันล้านดอลลาร์ (ข้อมูลจาก Bitcointreasuries.net) ตอนนี้ Metaplanet ถอนตัวออกจากการมีส่วนร่วมใน Web3 ทั้งหมดแล้ว และตอนนี้มุ่งเน้นไปที่ Bitcoin เพียงอย่างเดียว ควบคู่ไปกับการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์
การเคลื่อนไหวนี้โดดเด่นเป็นพิเศษ เพราะเกิดขึ้นในช่วงที่วิกฤตการคลังของญี่ปุ่นกำลังเล่นงานตลาดสกุลเงิน ผู้สนับสนุนคริปโตเคอเรนซีต่างยกย่อง Bitcoin มานานในฐานะเครื่องป้องกันความเสี่ยงจากความประมาททางการคลังและการเงิน
ญี่ปุ่นมีอัตราส่วนหนี้สินต่อ GDP สูงที่สุดในบรรดาประเทศพัฒนาแล้ว (IMF)
จากข้อมูลของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ อัตราส่วนหนี้สินต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของญี่ปุ่นอยู่ที่มากกว่า 254% ซึ่งสูงที่สุดในบรรดาประเทศพัฒนาแล้ว ขณะที่อัตราส่วนหนี้สินต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของสหรัฐอเมริกาอยู่ที่มากกว่า 123%
หนี้สินที่สูงกว่าประเทศอื่นๆ ทำให้ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ไม่สามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยตามธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) และธนาคารกลางหลักอื่นๆ ได้
ในขณะที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 5% นับตั้งแต่ต้นปี 2022 อัตราดอกเบี้ยที่เป็นเกณฑ์มาตรฐานสำหรับการกู้ยืมในญี่ปุ่นยังคงอยู่ใกล้ศูนย์ ส่งผลให้เงินเยนหนึ่งในห้าสกุลเงินสำรองหลักของโลกอ่อนค่าลงอย่างมาก ความแตกต่างของอัตราดอกเบี้ยส่งผลกระทบอย่างมากต่ออัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินตรา
ข้อมูลจากแพลตฟอร์มการวิเคราะห์ TradingView แสดงให้เห็นว่า เงินเยนญี่ปุ่นอ่อนค่าลง 50% เทียบกับดอลลาร์สหรัฐ นับตั้งแต่ต้นปี 2021 ล่าสุดเงินเยนร่วงลงต่ำกว่า 155 ต่อดอลลาร์สหรัฐ แตะระดับต่ำสุดในรอบ 34 ปี มีรายงานว่าการเทขายเกิดขึ้นหลังธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ขายดอลลาร์เพื่อดึงราคาเงินเยนให้สูงขึ้น ซึ่งเป็นการแทรกแซงตลาดสกุลเงินแบบคลาสสิก
“เมื่อเงินเยนอ่อนค่าลง Bitcoin ซึ่งเป็นแหล่งเก็บมูลค่าที่ไม่ใช่ของรัฐบาล มีมูลค่าเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินดั้งเดิม และมูลค่าอาจยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป” Metaplanet เสริมว่ากลยุทธ์ของธนาคารกลางญี่ปุ่นในการคงอัตราดอกเบี้ยให้นิ่งไว้ในขณะที่แทรกแซงตลาดฟอเร็กซ์นั้นเป็น “ความขัดแย้งทางการเงินที่หาความยั่งยืนไม่ได้”
บริษัทวางแผนที่จะถือครอง Bitcoin ในระยะยาว เพื่อให้แน่ใจว่ามีกำไรที่ต้องเสียภาษีน้อยที่สุด และเพื่อซื้อ Bitcoin เพิ่มอีกโดยการออกตราสารหนี้ระยะยาวเมื่อมีโอกาส
ที่มา : coindesk.com