Bitcoin (BTC) และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่ปรับอัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ (U.S. inflation-adjusted bond) เคลื่อนไหวไปในทิศทางตรงกันข้ามอีกครั้ง แสดงความสัมพันธ์เชิงลบอย่างแข็งแกร่งที่สุดในรอบสี่เดือน
ค่าสหสัมพันธ์ระยะ 30 วัน ระหว่าง Bitcoin และตราสารดัชนีเงินเฟ้อสหรัฐฯ (U.S. inflation-indexed security) 10 ปี เป็นลบในเดือนนี้ ลดลงจาก +0.28 เป็น -0.72 ระดับต่ำสุดที่เคยเห็นในเดือนเมษายน จากกราฟค่า 1 แสดงว่าสินทรัพย์กำลังเคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกัน และค่า -1 แสดงถึงการเคลื่อนไหวของสินทรัพย์ไปในทิศทางตรงกันข้าม
ตัวเลขที่อ่านได้ในปัจจุบัน แสดงให้เห็นถึงถึงอิทธิพลของการเงินแบบดั้งเดิมและปัจจัยมาโครมีต่อราคา Bitcoin ความสัมพันธ์เชิงลบพังทลายลงในเดือนกรกฎาคมท่ามกลางการมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับการอนุมัติ spot ETF
พันธบัตรชดเชยเงินเฟ้อ (Treasury inflation-indexed securities) เป็นดัชนีปรับตามอัตราเงินเฟ้อ ดัชนีราคาผู้บริโภคในเมืองสหรัฐที่ไม่ได้ปรับตามฤดูกาลทุกรายการ สำนักงาน The Bureau of Labor Statistics เรียกอัตราผลตอบแทนของหลักทรัพย์นี้ว่า อัตราผลตอบแทนที่แท้จริง หรือผลตอบแทนชดเชยเงินเฟ้อแล้ว
เมื่ออัตราผลตอบแทนที่แท้จริงติดลบ นักลงทุนมักจะแสวงหาทางเลือกที่มีความเสี่ยงสูง เช่น หุ้น และคริปโตเคอร์เรนซี เราเคยห็นหลังจากวิกฤติโคโรนาไวรัสในเดือนมีนาคม 2020 เมื่ออัตราผลตอบแทนที่แท้จริงเป็นบวกและเพิ่มขึ้น นักลงทุนจะกระตือรือร้นลงทุนในตราสารหนี้ (fixed-income securities)
อัตราผลตอบแทน 10-year U.S. inflation-indexed security เพิ่มขึ้น 1.97% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2009
Bitcoin คริปโตชั้นนำตามมูลค่าตลาด ร่วงมากกว่า 10% รายสัปดาห์ลดลงอย่างมากนับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ทองคำซึ่งมีความสัมพันธ์แบบผกผันกับอัตราผลตอบแทนที่แท้จริง ร่วงมากกว่า 1% ร่วงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สี่แล้ว และ Nasdaq ร่วง 2.22%
เทรนด์ของสินทรัพย์เสี่ยงโดยทั่วไปแล้วแย่ลง เนื่องจากอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงกำลังเพิ่มขึ้น ต้นทุนพลังงานสูงขึ้น ความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจจีน และความมุ่งมั่นของธนาคการกลางรายใหญ่คงอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น
ที่มา : coindesk.com