เหรียญ Stablecoin ต่าง ๆ ไม่สามารถเปรียบเทียบกับเงินฝากในแง่ของความเสี่ยง และไม่สามารถเปรียบเทียบกับกองทุนรวมตลาดเงิน ตามที่ระบุในรายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย (Policy Paper) โดย Paradigm
เหรียญ Stablecoin ต่าง ๆ ไม่สามารถเปรียบเทียบกับเงินฝากในธนาคารในแง่ของความเสี่ยง ตามที่ระบุในรายงานข้อเสนอแนะเชิงนโยบาย (Policy Paper) ที่นำเสนอโดย Brendan Malone อดีตนักวิเคราะห์ Federal Reserve Board ในนามของ Paradigm บริษัทเพื่อการลงทุนด้านเทคโนโลยี
เอกสารนี้สำรวจความเสี่ยงต่าง ๆ ของ Stablecoin ต่อระบบทางการเงิน โดยตั้งข้อสังเกตว่า ปัจจุบันข้อเสนอทางกฎหมายในสหรัฐฯ นั้น สามารถผนวกเครื่องมือเพย์เมนต์คริปโตเข้ากับแนวทางกำกับดูแลหลักทรัพย์และกิจการธนาคารที่มีอยู่ได้ Malone ระบุว่า ความเสี่ยง ๆ จาก Stablecoin นั้นต่ำกว่าเงินฝากธนาคาร (bank deposit) และต่างจากกองทุนรวมตลาดเงิน (money market fund)
เหรียญ Stablecoin เป็นคริปโตเคอร์เรนซีที่ถูกโปรแกรมให้มูลค่ามีเสถียรภาพในอัตราส่วนคงที่กับสินทรัพย์เฉพาะ โดยทั่วไปแล้วใช้เงินตราอย่างเช่น ดอลลลาร์สหรัฐ ขณะที่กองทุนรวมตลาดเงิน (money market fund) เป็นกองทุนรวมประเภทหนึ่งที่ลงทุนในสินทรัพย์ระยะสั้น หนังสือค้ำประกัน เงินสดและสิ่งที่เทียบเงินสดมีความเสี่ยงต่ำกว่ากองทุนรวมประเภทอื่น ๆ
ตามความเห็นของ Malone ธนาคารอยู่ในภาวะเสี่ยงที่เรียกว่า การบริหารจัดการระยะเวลาครบกำหนด (Maturity Transformation) เมื่อธนาคารรับเงินฝากระยะสั้น และใช้เงินทุนนั้นให้สินเชื่อระยะยาวโดยไม่ได้รับชำระเป็นเวลาหลายปี เรื่องนี้ก่อให้เกิดความเสี่ยงต่อธนาคารอย่างต่อเนื่อง และต้องบริหารจัดการความเสี่ยงอย่างถาวรเพื่อบริหารความเสี่ยงนี้
ตัวอย่างความเสี่ยง maturity transformation ที่เกิดขึ้นล่าสุด กรณีการล่มสลายของ Silicon Valley Bank ในเดือนมีนาคม มีรายงานว่า ธนาคารสหรัฐฯ เหล่านั้นได้จัดสรรเงินฝากของลูกค้าเป็นสินทรัพย์ระยะยาว แล้วก็ต้องปิดตัวลงโดยหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงิน
มุมมองของ Malone นั้น คิดว่า เหรียญ stablecoin ที่ตรึงด้วยเงินตรา ไม่เสี่ยงในลักษณะทำนองเดียวกัน เนื่องจากสินทรัพย์สำรองมักได้รับสนุนสนุนจากรัฐที่มีอายุสั้น และแยกออกจากสินทรัพย์ของผู้ออกเหรียญ “กฎระเบียบของรัฐบาลกลางที่บังคับใช้ภายใต้กฎหมายใหม่อาจกำหนดมาตรการความปลอดภัยที่เฉพาะเจาะจงได้ หากเป็นเช่นนั้น ตรงกันข้ามกับเงินฝากธนาคาร ไม่มีความสอดคล้องกันกับหนี้สิ้นระยะสั้น (ขณะที่ผู้ถือครอง stablecoin สามารถถอนตอนไหนก็ได้ตามต้องการ) และเป็นการถือสินทรัพย์เสี่ยงและระยะยาว” เขาอธิบาย
Total value settled with stablecoins by year worldwide. ที่มา: CoinMetrics
เหรียญ Stblecoin ต่าง ๆ มีวัตถุประสงค์แตกต่างกันออกไปจากกองทุนรวมตลาดเงิน (money market fund) Malone ระบุว่า ถูกใช้เป็นตัวกลางเพย์เมนต์หรือทำธุรกรรมที่ตรึงกับดอลลาร์สหรัฐ มากกว่าใช้เป็นทางเลือกในการลงทุน หรือเครื่องมือจัดการเงินสด “สำหรับเหรียญ stalecoin ที่ตรึงกับดอลลาร์สหรัฐรายใหญ่สุดนั้น ผู้ถือครองไม่ได้รับผลตอบแทนจากเงินสำรองที่เก็บไว้ แต่ Stablecoin ต่าง ๆ ถูกใช้เสมือนเงินสดนั่นเอง”
ตามรายงานนี้ หาก Stablecoin ถูกกำกับดูแลผ่านกรอบข้อบังคับที่มีอยู่โดยไม่พิจารณาลักษณะเฉพาะ จะส่งผลให้เกิดการกำกับดูแลกับผู้ออกเหรียญอย่างเคร่งครัดทำนองเดียวกับธนาคาร การกำกับควบคุมดังกล่าวอาจจำกัดการแข่งขันและเพิ่มอำนาจให้กับผู้ออกเหรียญรายใหญ่ไม่กี่ราย
“เสาหลักด้านกฎระเบียบสามารถช่วยรักษาความเชื่อมั่นต่อ stablecoin ในฐานะเป็นรูปแบบของเงินได้ และมั่นใจได้ว่าอำนาจในการกำหนดระบบการเงินของเราไม่ตกอยู่ในมือของผู้มีส่วนร่วมในตลาดไม่กี่ราย” รายงานเสริมว่า กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ stablecoin ควรจัดการกับความเสี่ยงของเทคโนโลยีโดยเฉพาะ ในขณะที่สนับสนุนส่งเสริมนวัตกรรมด้วย
ที่มา : cointelegraph.com