ร่างกฎหมายที่มีการตั้งข้อสงสัยกันว่าจะห้ามใช้งานสกุลเงินดิจิทัลในอินเดีย กำลังเผยแพร่โดยผู้เชี่ยวชาญกฎหมายด้านบล็อกเชนบนสื่อโซเชียลมีเดีย
เอกสารที่ไม่ยืนยันอย่างเปิดทางการ ถูกเผยแพรผ่านทาง Scribd จาก Varun Sethi นักกฎหมายด้านเทคโนโลยี ดูเหมือนว่าเป็นการเปิดเผยร่างกฎหมาย “Banning of Cryptocurrency & Regulation of Official Digital Currencies.” เกี่ยวกับการสั่งห้ามและควบคุมสกุลเงินดิจิทัลอย่างเป็นทางการ หากเป็นของจริง กฎหมายจะไม่มีการปรึกษาหารือในช่วงฤดูมรสุมของรัฐสภาอินเดีย ตามที่นักลงทุนคริปโตคนสำคัญในท้องถิ่นให้ความเห็น
ร่างกฎหมาย 18 หน้า ในเอกสารนิยามคำว่าสกุลเงินดิจิทัล (cryptocurrencies) ว่า “ช้อมูล โค้ดรหัส หรือ ตัวเลข หรือ โทเคน ใดก็ตามที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของ สกุลเงินดิจิทัลของทางการ (Official Digital Currency) สร้างขึ้นโดยวิธีการเข้ารหัส (cryptographic) หรือวิธีอื่น ๆ ขึ้นเป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีค่า”
คำจำกัดความยังลงรายละเอียดเพิ่มเติมอีก อย่างเช่น สกุลเงินที่ใช้ในการแลกเปลี่ยน เป็นหน่วยวัดมูลค่าทางบัญชี หรือสินทรัพย์มีค่า รวมไปถึงการใช้งานทำธุรกรรมทางการเงินและใช้ในกิจกรรมเพื่อการลงทุน
ร่างกฎหมายที่ตราขึ้นนำเสนอว่า “เงินรูปีดิจิทัล” เป็นเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลางของประเทศ จะได้รับอนุญาตจากรัฐบาลกลางให้เป็นเงินถูกต้องตามกฎหมาย ขณะที่สกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ ตามที่กฎหมายบัญญัติไว้นั้นล้วนถูกสั่งห้ามทั้งสิ้น
ในร่างกฎหมายระบุเอาไว้ว่า
ห้ามมิให้บุคคลใดขุด สร้าง ถือครอง ขาย ค้าขาย ออก โอน แจกจ่าย หรือใช้สกุลเงินดิจิทัลในประเทศอินเดีย
การสั่งห้ามมิได้สั่งห้ามทุกคนที่ใช้งานเทคโนโลยีบัญชีแยกประเภท (DLT) หรือที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีที่มีวัตถุประสงค์เฉพาะ หรือเพื่อการวิจัย รวมถึงบริบททางการศึกษา โดยมีเงื่อนไขว่าไม่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมทางการเงิน
ร่างกฎหมายมีบทลงโทษแก่ผู้ฝ่าฝืนในสกุลเงินดิจิทัลอย่างชัดเจนยกเว้นเงินรูปีดิจิทัล (Digital Rupee) โดยปรับหรือจำคุกไม่เกินสิบปี หรือทั้งสองอย่างด้วยกัน
เมื่อไม่นานมานี้ มีรายงานว่าธนาคารกลางอินเดีย (RBI) กำลังพัฒนาแพลตฟอร์มบล็อกเชนสำหรับธนาคารสาขาวิจัยและพัฒนา (R&D) ในช่วงต้นปีมีรายงาน RBI ได้หยุดแผนการออกสกุลเงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารกลาง
ร่างกฎหมายดังกล่าวนอกจากใช้สั่งห้ามการใช้งานสกุลเงินดิจิทัลในประเทศแล้ว มีการตั้งข้อสังเกตว่าใช้เพือรับมือกับโครงการ Libra ของ Facebook อีกด้วย
ที่มา : cointelegraph.com