กระเป๋าสตางค์เงินดิจิทัล MyEtherWallet (MEW) ร่วมมือกับ Bity บริษัทด้านการเงินดิจิทัลเพื่อเปิดตัวแพลตฟอร์มที่สามารถแปลงเงินสกุลดิจิทัลเป็นสกุลเงินตราโดยปราศจากระบบการทำความรู้จักตัวตนของลูกค้า (Know Your Customer, KYC) โดย MEW ประกาศข่าวเผยแพร่ในบล็อกโพสต์ เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์
ตามการประกาศผู้ใช้กระเป๋าสตางค์ MEW V5 wallet สามารถแลกเปลี่ยนเงินฟรังก์สวิสได้มากถึง 5,000 เหรียญ ($4,995) ผ่าน Bitcoin (BTC) และ Ethereum (ETH) เป็นยูโรและฟรังก์สวิสโดยไม่ต้องผ่านข้อกำหนด KYC ภายในกระเป๋าสตางค์ ผู้ใช้สามารถทำการแลกเปลี่ยนจากส่วนใดส่วนหนึ่งของโลกได้
ขั้นตอน KYC ช่วยให้องค์กรสามารถตรวจสอบตัวตนของลูกค้าก่อนหรือระหว่างการจัดการกับพวกเขา ธุรกิจสามารถประเมินได้ว่าลูกค้ามีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย เช่น การฟอกเงินหรือการทุจริต
หากต้องการใช้ตัวเลือก “Exit-to-Fiat” ลูกค้าจะต้องเลือกสกุลเงินดิจิทัลและสกุลเงินตราที่ต้องการแผงควบคุมกระเป๋าสตางค์ ผู้ใช้งานจะถูกขอให้ให้ข้อมูลส่วนบุคคลเพิ่มเติม รวมถึงหมายเลขโทรศัพท์ของพวกเขารายละเอียดการธนาคาร ชื่ออย่างเป็นทางการของบัญชีธนาคารของพวกเขา และที่อยู่บิลเรียกเก็บเงินที่จำเป็นตามข้อกำหนดยินยอม
ความเป็นส่วนตัวที่เพิ่มขึ้นและการไม่เปิดเผยตัวตนของสกุลเงินดิจิทัลได้ถูกลิงค์โดยรัฐบาลและหน่วยงานกำกับดูแลกิจกรรมที่อาจผิดกฎหมายและความเป็นไปได้ของการฟอกเงิน เมื่อเดือนที่แล้ว สำนักงานบริหารโลกไซเบอร์ของจีน (Cyberspace Administration of China, CAC) ได้ออกข้อบังคับใหม่แก่บล็อกเชนที่ดำเนินธุรกิจในประเทศ
หลักเกณฑ์ของ CAC นั้น ต้องการให้สตาร์ทอัพด้านบล็อกเชนอนุญาตให้เจ้าหน้าที่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่เก็บไว้ได้และเพื่อออกขั้นตอนการลงทะเบียนที่ต้องใช้บัตรประชาชนหรือหมายเลขโทรศัพท์มือถือ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังมีหน้าที่ต้องดูแลเนื้อหาและข้อมูลเซ็นเซอร์ที่ถูกห้ามภายใต้กฎหมายจีนในปัจจุบัน
ในเดือนเมษายน 2018 Amazon Technologies, Inc. ได้รับสิทธิบัตรสำหรับตลาดข้อมูลสตรีมมิ่งที่จะอนุญาตให้มีการรวมแหล่งข้อมูลหลาย ๆ แหล่งเข้าด้วยกัน ซึ่งจะช่วยให้สามารถติดตามธุรกรรมแบบเรียลไทม์และผู้ใช้งานที่เกี่ยวข้องได้ สิ่งนี้จะนำไปสู่การยกเลิกการไม่เปิดเผยชื่อของธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin, Ethereum หรือคริปโตเคอเรนซี่ที่ไม่มีความเป็นส่วนตัวอื่น ๆ
ที่มา : cointelegraph.com, medium.com