Bitcoin มีความสัมพันธ์เชิงลบ (ผกผัน) กับเงินดอลลาร์สหรัฐ มากกว่าทองคำ Bitcoin อาจกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากขึ้นในสายตานักลงทุน
หลังจากเหตุการณ์ Black Thursday แล้ว Bitcoin กลายเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงินดีขึ้นกว่าเดิม ดีกว่าทองคำ (Gold) ในขณะเดียวกัน Bitcoin ก็มีความสัมพันธ์กับดัชนี S&P 500 สูงขึ้นอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
หลังเหตุการณ์ Black Thursday กลับตาลปัตร
นับตั้งแต่ระบบเบรตตันวูดส์ (Bretton Woods system) สิ้นสุดลงในปี 1971 นักลงทุนต่างมองว่าทองคำเป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงิน ทองคำมีความสัมพันธ์เชิงลบกับเงินดอลลาร์มาอย่างยาวนาน แม้จะมีข้อยกเว้นบางเรื่องแต่หาได้ยากมาก ขณะที่ Bitcoin และเงินดอลลาร์ไม่ได้มีความสัมพันธ์กันเลยจนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้เอง
ทั้งนี้ ตั้งแต่เหตุการณ์ Black Thursday ตลาดร่วงหนักในเดือนมีนาคม Bitcoin มีความสัมพันธ์เชิงลบ (ผกผัน) กับเงินดอลลาร์มากกว่าทองคำ และ Bitcoin สูญเสียมูลค่าเกือบครึ่งหนึ่ง แล้วเงินดอลลาร์ก็แข็งค่าขึ้น เนื่องจากนักลงทุนหันไปถือเงินสดแทน
ตลาดไม่เชื่อมั่นรัฐบาลสหรัฐฯ
เมื่อเร็ว ๆ นี้ เรื่องนี้กลับตาลปัตร Bitcoin ฟื้นตัวกลับมาหลังจากสูญเสียอย่างหนัก ขณะที่เงินดอลลาร์กลับอ่อนค่าลงมากเมื่อเทียบกับทองคำและเมื่อเทียบกับสกุลเงินคู่แข่งขันอื่น ๆ ตลาดไม่เชื่อมั่นต่อรัฐบาลสหรัฐฯ ในการจัดการวิกฤติโควิด-19 มีอัตราการเสียชีวิตสูง เกือบ 50 ล้านคนไม่มีงานทำ และรัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนับล้านล้านดอลลาร์สหรัฐสูงเป็นประวัติการณ์ แต่กลับไม่เพิ่มความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจของประเทศในสายตานักลงทุน
ในสถานการณ์เช่นนี้ อาจทำให้เกิดเงินเฟ้อสูงขึ้น Bitcoin ในฐานะต้านทานเงินเฟ้อและมีปริมาณจำกัด นักลงทุนแบบดั้งเดิมอาจเริ่มมองว่า Bitcoin เป็นทางเลือกที่มีศักยภาพแทนที่เงินตราได้ ยิ่งไปกว่านั้น Bitcoin ยังมีข้อได้เปรียบหลายอย่างดีกว่าทองคำ นอกเหนือจากเรื่องมีปริมาณจำกัดแล้ว การโอน็ทำได้ง่ายมากสามารถโอนหากันได้ทันที
ที่มา : cointelegraph.com
——————————————————–
สนับสนุนโดยกลุ่ม Coin Thai Talk : https://www.fb.com/groups/CoinThaiTalk/ กลุ่มใหม่ของคนรักคริปโต