งานวิจัยโดย Unchained ชี้ให้เห็นว่า Bitcoin เป็นเครื่องมือออมเงินที่ดีที่สุดสำหรับนักลงทุน เนื่องจากคุณสมบัติทางการเงินที่ไม่เหมือนใคร
Bitcoin กลายเป็นทางเลือก และ “เครื่องมือที่ดีที่สุด” สำหรับการออมในยุคเศรษฐกิจใหม่ เมื่อเทียบกับสินทรัพย์แบบดั้งเดิม รายงานวิจัยล่าสุด Unchained เคลม
ผลการวิจัยล่าสุดจากบริษัทให้บริการทางการเงิน Bitcoin อย่าง Unchained พบว่า คุณสมบัติทางการเงินที่เหนือกว่าของ Bitcoin รวมถึงความขาดแคลนที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ (immutable scarcity) ซึ่งทำให้ Bitcoin เป็นโซลูชั่นที่ดีที่สุดสำหรับ “กับดักนวัตกรรม” ที่นักลงทุนเผชิญอยู่
Joe Burnett นักวิจัย อธิบายถึงกับดักของนวัตกรรม ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่แรงขับเคลื่อนจากตลาดเสรีที่เน้นนวัตกรรม นำไปสู่ปริมาณสินค้าและบริการบางอย่างเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาลดลง และในที่สุดสินทรัพย์เหล่านั้นก็ด้อยค่าลง Burnett มองว่า สิ่งนี้ส่งผลต่อความสามารถในการเก็บเงินออมระยะยาว
ในโลกของความอุดมสมบูรณ์ ผลผลิตที่มากเกินไป และตลาดที่มีการแข่งขันสูง การจัดเก็บความมั่งคั่งที่สำคัญนอก Bitcoin จะเป็นเรื่องยากมากขึ้นเรื่อย ๆ
สิ่งโชคดีก็คือ “เราค้นพบกับดักแล้ว” Burnett กล่าว พาเราเข้าใกล้จุดเศรษฐกิจแบบซิงกูลาริตี้ (economic singularity) ที่ “ความมั่งคั่งส่วนใหญ่จะไหลไปสู่ Bitcoin”
“ความมั่งของคุณกำลังด้อยค่า”
งานวิจัยฯ อธิบายว่า สินทรัพย์ดั้งเดิมต่าง ๆ เช่น สกุลเงินตรา หุ้น ทองคำ และอสังหาริมทรัพย์ ล้วนมีความเสี่ยงที่จะเผชิญกับปัญหา “อุปทานที่เพิ่มขึ้น” ซึ่งอาจส่งผลให้มูลค่าของสินทรัพย์เหล่านี้ มีแนวโน้มลดลงจนแตะระดับศูนย์ในระยะยาว
การถือครองดอลลาร์สหรัฐฯ และสกุลเงินเฟียตอื่น ๆ เป็นเวลานาน จะทำให้มูลค่าของเงินลดลง เมื่อเทียบกับสินค้าอุปโภคบริโภคทั่วไป
รายงานระบุว่า สกุลเงินเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อลดมูลค่า เมื่อเทียบกับสินค้าและบริการที่ผลิตได้เร็วและถูกกว่า เช่น ที่อยู่อาศัย อาหาร และพลังงาน
“ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลง 92.8% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา”
การเสื่อมค่าของดอลลาร์สหรัฐฯ ตามกาลเวลา ที่มา: Unchained
Burnett อ้างว่ าผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆ ตระหนักว่า “เงินที่ออกแบบมาสูญเสียมูลค่าเมื่อเทียบกับสินค้าอุปโภคบริโภคพื้นฐาน ไม่ใช่เครื่องมือการออมที่ดี” พวกเขาพยายามเก็บเงินออมไว้ในสินทรัพย์อื่น ๆ เช่น หุ้น โลหะมีค่า เช่น ทองคำและเงิน และอสังหาริมทรัพย์
จากการวิจัยพบว่า สิ่งเหล่านี้ก็ “ละลายหายไป” เช่นกัน กองทุน ETF ที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล (Treasury Bond ETF) อายุ 20 ปี มีมูลค่าลดลงมากกว่า 94.8% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา นักลงทุนในหุ้นเผชิญความเสี่ยงหลายประเภทที่เกิดจากการแข่งขันที่รุนแรงและการเพิ่มทุน (การออกหุ้นเพิ่มเติม) นำไปสู่การลดลงของมูลค่าหุ้นที่มีอยู่เดิม
เมื่อตลาดมีประสิทธิภาพมากขึ้นและการแข่งขันรุนแรงขึ้น ผลกำไรส่วนเกิน (อัลฟ่า) ในระยะยาวจะลดลงเหลือศูนย์ รวมถึงมูลค่าตลาดของหุ้น (equity)
ยกตัวอย่างเช่น ดัชนี S&P 500 จากงานวิจัยพบว่า ดัชนีนี้ “ลดลง 87.6% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา”
Burnett ตั้งข้อสังเกตว่าแม้ทองคำและเงิน (ซิลเวอร์) ก็ไม่สามารถต้านทานผลกระทบจากการเพิ่มขีดความสามารถในการผลิตและการแข่งขันได้
งานวิจัยฯ ชี้ว่า อัตราการผลิตทองคำประจำปีเพิ่มขึ้นจากต่ำกว่า 100 ตันในศตวรรษที่ 19 เป็น 1,000 ตันเศษในช่วงทศวรรษที่ 1950 ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีด้านการทำเหมืองและการแปรรูป ช่วยให้การสกัดทองคำง่ายและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของการผลิตทองคำอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน ปริมาณการผลิตทองคำอยู่ที่กว่า 2,800 ตันต่อปี
“ปริมาณทองคำหมุนเวียนที่อาจเกิดขึ้นไม่มีขีดจำกัดที่ร้ายแรง และผู้ถือทองคำจะสูญเสียมูลค่าเงินออมของตนไปเรื่อย ๆ เมื่อมนุษยชาติมีประสิทธิภาพในการขุดและสกัดทองคำเพิ่มขึ้น”
การผลิตทองคำรายปี ที่มา : Unchained
Bitcoin – ความจริงใหม่ทางเศรษฐกิจ
ผลการวิจัยสอดคล้องกับมุมมองของ Burnett เมื่อต้นปีนี้เมื่อเขาโต้แย้งว่า Bitcoin เป็นหนึ่งในเครื่องมือทางการเงินที่ดีที่สุดที่ไม่มีใครสามารถพิมพ์เพิ่มเติมได้เนื่องจาก “ความหายากโดยธรรมชาติที่แน่นอน (immutable absolute scarcity)”
นักวิจัยฯ ยังชี้ให้เห็นถึง “คุณสมบัติทางการเงินที่เหนือกว่า” ของ Bitcoin เมื่อเทียบกับสินทรัพย์ประเภทอื่นๆ โดยระบุว่า “ไม่เพียงแต่สมเหตุสมผลเท่านั้น แต่ยังชาญฉลาดเมื่อเทียบตัวเก็บมูลค่าดั้งเดิมกับสินทรัพย์ที่เหนือกว่านี้”
คุณสมบัติทางการเงินของสินทรัพย์ต่างๆ ที่มา: Unchained
“หากคุณเพิกเฉยต่อมันและยังคงเก็บออมในสินทรัพย์ด้อยค่าสูง คู่แข่งทางเศรษฐกิจของคุณจะนำเทรนด์ใหม่นี้มาใช้และเอาชนะคุณได้”
Burnett สรุปว่า การค้นพบ Bitcoin เมื่อ 15 ปีก่อน ในฐานะเครื่องมือใหม่ในการออม เทรด และการคำนวณทางเศรษฐกิจ ได้สร้างความเป็นจริงทางเศรษฐกิจใหม่ที่ไม่ควรมองข้าม
ที่มา : cointelegraph.com