เหรียญ Stablecoin มีประโยชน์ต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ มิใช่ภัยคุกคาม ผู้ดูแลสินทรัพย์ Tether กล่าว

Stablecoins กระตุ้นความต้องการพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ Howard Lutnick ซีอีโอของ Cantor Fitzgerald ผู้ดูแลสินทรัพย์ (custodian ) Tether กล่าว

• เหรียญ Stablecoin กระตุ้นความต้องการพันธบัตรคลังของสหรัฐฯ Howard Lutnick ซีอีโอ Cantor Fitzgerald กล่าว
• จีนอาจมองดอลลาร์ดิจิทัลของสหรัฐฯ เป็นกระเป๋าเงินสอดแนม

หนึ่งในประเด็นถกเถียงที่ยืดเยื้อในตลาดคริปโตคือ เหรียญ Stablecoin ที่ตรึงมูลค่ากับดอลลาร์ ส่งผลต่อความโดดเด่นของดอลลาร์สหรัฐฯ บนเวทีโลกหรือไม่? ซีอีโอ Cantor Fitzgerald มองว่า มันส่งผลดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ

“อำนาจเหนือดอลลาร์เป็นรากฐานสำคัญของสหรัฐอเมริกา” Howard Lutnick กล่าวในงานประชุม Chainalysis Conference เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ตามที่ Bloomberg รายงาน “มันสำคัญกับพวกเรา กับเศรษฐกิจของเรา นั่นคือเหตุผลว่าทำไมฉันถึงเป็นแฟนของ stablecoin ที่ได้รับการหนุนหลังอย่างเหมาะสมอย่าง Tether และ Circle”

เหรียญ Stablecoin นั้น “สำคัญต่อเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ขับเคลื่อนความต้องการพันธบัตรคลังสหรัฐ และไม่ก่อให้เกิดความเสี่ยงเชิงระบบต่อโลก”

อำนาจของเงินดอลลาร์ในเศรษฐกิจโลก อนุญาตให้สหรัฐฯ ดำเนินการขาดดุลการค้าขนาดใหญ่ กู้ยืมเงินในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าประเทศอื่น ใช้มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจกับประเทศที่เป็นศัตรู

Cantor Fitzgerald ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลสินทรัพย์ (custodian) ของ Tether Holdings ซึ่งเป็นบริษัทที่ออกเหรียญ stablecoin ที่ใหญ่ที่สุดในโลกชื่อว่า Tether (USDT) ตอนนี้ USDT มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 107 พันล้านดอลลาร์ ในขณะที่เหรียญ USDC ของ Circle ซึ่งอยู่อันดับสองมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 32.25 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ข้อมูลจาก CoinGecko)

เทรดเดอร์คริปโตใช้ Stablecoin อย่างแพร่หลายเป็นสกุลเงินในการซื้อขายในตลาดสปอต และเป็นหลักประกันในการซื้อขายสัญญาฟิวเจอร์ส และยังทำหน้าที่เป็นที่หลบภัย (haven) ในช่วงเวลาที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ดำเนินการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมสภาวะเศรษฐกิจในปี 2022

ความเชื่อมั่นของนักลงทุนใน Stablecoin ลดลงอย่างมากหลังจาก เหรียญ algorithmic stablecoin นั่นคือ UST ล่มสลายในเดือนพฤษภาคม 2022 อย่างไรก็ตาม Tether ผ่านการทดสอบความตึงเครียดมาได้ท่ามกลางความสงสัยเกี่ยวกับเงินสำรองที่ใช้หนุน ในเดือนมกราคม Lutnick ยืนยันว่า Tether มีเงินสำรองเพียงพอในการหนุน USDT

อย่างไรก็ตาม Lutnick ไม่ใช่แฟนของสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง (CBDC) และกล่าวเมื่อวันพุธว่า จีนอาจมองดอลลาร์ดิจิทัลที่เป็นไปได้ว่าเป็น “กระเป๋าเงินสายลับอเมริกัน (spy wallet)”

“ฉันกังวลว่าธนาคารกลางจะออกสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง มันก็สมเหตุสมผลดีใช่มั้ย?” เขากล่าว “แต่ปัญหาคือจีนจะคิดอย่างไร พวกเขาจะมองว่ามันเป็นกระเป๋าเงินสายลับอเมริกัน”

Lutnick คาดการณ์ว่า สินทรัพย์ในโลกแห่งความเป็นจริง เช่น พันธบัตร จะสามารถแปลงเป็นโทเคนและซื้อขายบนบล็อกเชนได้ภายใน 10 ปีข้างหน้า  เมื่อเทคโนโลยีมีความรวดเร็วและราคาไม่แพงเพียงพอ

ที่มา : coindesk.com