เจมี่ ไดมอน (Jamie Dimon) ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของธนาคาร JPMorgan Chase ได้ย้ำจุดยืนที่ต่อต้านคริปโตเคอร์เรนซี โดยประกาศชัดว่าเขาจะไม่ลงทุนในบิตคอยน์เป็นการส่วนตัว อย่างไรก็ตาม ธนาคารแห่งนี้เป็นหนึ่งใน “ผู้มีส่วนร่วมที่ได้รับอนุญาต” (authorized participant) สำหรับ กองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน (ETF) บิตคอยน์แบบ spot ของ Blackrock แม้ว่าจะมีความไม่เห็นด้วยกับบิตคอยน์ส่วนตัว ไดมอนกล่าวว่าเขาตระหนักถึงความสนใจของลูกค้า และเคารพในสิทธิและเสรีภาพการลงทุนของพวกเขา
จุดยืนต่อต้านคริปโตของเจมี่ ไดมอน
เจมี่ ไดมอน CEO ของ JPMorgan Chase ได้ตอกย้ำจุดยืนไม่เห็นด้วยกับบิตคอยน์และคริปโตเคอเรนซีอีกครั้งในงาน “Australian Financial Review business summit” ผ่านการถ่ายทอดสดจากนิวยอร์กซิตี้ เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
“ผมไม่เข้าใจว่าบิตคอยน์มีไว้เพื่ออะไร แต่ผมรับรองว่าคุณมีสิทธิที่จะเลือกใช้ ผมจะปกป้องสิทธิของคุณในการซื้อบิตคอยน์” ไดมอนให้ความเห็น พร้อมเสริมว่า “อย่างไรก็ตามผมจะไม่ซื้อบิตคอยน์เด็ดขาด”
ความคิดเห็นของไดมอนจุดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากบนสื่อโซเชียล Edward Snowden นักเคลื่อนไหวเพื่อความเป็นส่วนตัว และอดีตผู้รับเหมาของสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติ (NSA) แสดงความเห็นผ่านแพลตฟอร์ม “X” ว่า “CEO ของ JPMorgan Chase ยอมรับว่ายักษ์ใหญ่ของเขากำลังจะซื้อบิตคอยน์ หลังจากที่ราคา Bitcoin พุ่งขึ้นทะลุจุดสูงสุดใหม่ แต่เขายังคงแย้งว่า ‘จะไม่นับ!’ และย้ำว่า “ผมไม่ได้เป็นเจ้าของ!’ แค่เพียงเพราะเขาจะไม่ทำการซื้อขายเป็นการส่วนตัว”
แม้จะรังเกียจการใช้บิตคอยน์ในส่วนตัว แต่ไดมอนก็รับรู้ดีว่าลูกค้าของเขามีความสนใจ และย้ำว่าเขาให้เกียรติสิทธิของลูกค้าในการเลือกการลงทุน รวมถึงบิตคอยน์ (BTC) กระนั้น เขาก็ยังคงเตือนถึงความเสี่ยงในการลงทุนเช่นนี้ และเคยให้คำแนะนำไปในเดือนมกราคมว่า “สำหรับผมนะ ผมว่าคุณอย่าเข้าไปยุ่งจะดีกว่า”
ในขณะเดียวกัน นักวิเคราะห์ของ JPMorgan ได้เตือนว่าราคาของบิตคอยน์จะตกลงไปถึงระดับ 42,000 ดอลลาร์สหรัฐหลังจากเหตุการณ์ Bitcoin Halving ในเดือนเมษายน พวกเขามองว่าการอัปเกรดครั้งใหญ่ของเหรียญ Ethereum และเหตุการณ์ Halving ได้ถูกประเมินและรวมไว้ในราคาเรียบร้อยแล้ว
ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.siambitcoin.com/