Aphone มอบประสบการณ์ Web3 บนสมาร์ทโฟนรุ่นเก่าด้วยเทคโนโลยีคลาวด์แบบกระจายศูนย์
ผู้ที่ใช้งานอุปกรณ์รุ่นเก่าจะได้สัมผัสกับประสบการณ์ใหม่ด้วยแอปพลิเคชันสมาร์ทโฟนเสมือนที่ทำงานอยู่บนบล็อกเชนของ Solana และโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์แบบกระจายศูนย์จาก Aethir
Jennifer Booze หัวหน้าฝ่ายพัฒนาและขยาย ecosystem ของ Aphone ได้ให้รายละเอียดของบริการแก่สื่อในงาน เปิดตัวครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 มีนาคม ภายใน Solana ecosystem ในรูปแบบของสมาร์ทโฟนเสมือนที่ทำงานบนเว็บ ให้ผู้ใช้งานเข้าถึงทั้งแอปพลิเคชันแบบ Web3 และทั่วไปได้
Aphone มีหน้าตาและความรู้สึกคล้ายคลึงกับสมาร์ทโฟน Android และสามารถทำงานได้หลากหลายแพลตฟอร์ม ไม่ว่าจะเป็นในเบราว์เซอร์หรือบนอุปกรณ์ Android หรือ Apple ทาง Booze เน้นย้ำว่า Aphone ทำหน้าที่คล้ายกับระบบปฏิบัติการ แต่ไม่ได้มาเพื่อทดแทนระบบปฏิบัติการที่มีอยู่เดิมของอุปกรณ์แต่อย่างใด
“Aphone เป็นสมาร์ทโฟนเสมือนในรูปแบบคลาวด์ที่ผู้ใช้สามารถเข้าถึงได้ผ่านอุปกรณ์ที่มีอยู่ โดยใช้ประโยชน์จากระบบการประมวลผลบนคลาวด์แบบกระจายศูนย์เพื่อรันแอปพลิเคชัน Web3 ได้อย่างราบรื่นโดยไม่ต้องอัปเกรดฮาร์ดแวร์” Jennifer อธิบาย
ทีมงานเบื้องหลังมองว่า APhone จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการผลักดันให้ผู้ใช้งานจำนวนมากได้เข้าถึงแอปพลิเคชันและโปรโตคอล Web3 ที่ก่อนหน้านี้ถูกจำกัดด้วยข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์
Aphone สามารถข้ามผ่านข้อจำกัดด้านฮาร์ดแวร์ของสมาร์ทโฟนรุ่นเก่าได้ด้วยการทำงานบน Aethir ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานการประมวลผลกราฟิก (GPU) บนระบบคลาวด์แบบกระจายศูนย์ อินเทอร์เฟซและแอปพลิเคชันทั้งหมดของ Aphone จะทำงานบนคลาวด์ ทำให้ผู้ใช้เข้าถึงแอปและเกมที่อุปกรณ์เดิมอาจไม่สามารถรองรับได้
Jennifer ระบุว่ากรณีการใช้งานหลักของอุปกรณ์เสมือนนี้คือการผลักดันให้เกิดการใช้งาน Web3 ในวงกว้างมากขึ้น เนื่องจากสมาร์ทโฟนกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นในตลาดเกิดใหม่ควบคู่ไปกับการขยายตัวของการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านมือถือ
“ด้วยการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีคลาวด์แบบกระจายศูนย์ของ Aethir ทำให้ Aphone ช่วยให้ผู้ใช้งานเหล่านี้ได้สัมผัสกับแอปพลิเคชัน Web3 ขั้นสูง เช่น NFT, DeFi , เกมบล็อกเชน รวมถึงสามารถรันสมาร์ทโฟนได้หลายเครื่องบนอุปกรณ์เพียงเครื่องเดียว”
Aphone จะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกแทนการซื้อสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่ด้วยค่าบริการ $20 ต่อปี ผู้ที่สนใจสามารถซื้อ Aphone nonfungible token (NFT) ซึ่งสร้างและเผา (mint & burn) บนบล็อกเชนของ Solana เพื่อให้สิทธิ์ในการเข้าถึงอุปกรณ์เสมือนนี้
นอกจากนี้ Aphone ยังจะเชื่อมต่อกับเครือข่ายโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพแบบกระจายศูนย์ (DePIN) ที่ทำงานบน Solana ซึ่งรวมถึง Helium แพลตฟอร์มที่ให้รางวัลแก่ผู้ใช้สำหรับการให้บริการเครือข่ายและการตรวจสอบธุรกรรม
Aphone จำเป็นต้องทำงานบนโครงสร้างพื้นฐานของบล็อกเชน และจุดประสงค์ของโทเค็น PHONE ซึ่ง Booze ได้ให้คำตอบว่าการเลือกใช้งานบน Solana นั้นมอบความเร็วในการทำธุรกรรมที่สูงขึ้น ค่าธรรมเนียมต่ำ รวมถึงความปลอดภัยและการกระจายอำนาจที่เพิ่มขึ้น
“ฟีเจอร์เหล่านี้จะช่วยสนับสนุนประสบการณ์ Web3 ที่ราบรื่น ไม่ว่าจะเป็นการจัดการ NFT, โทเค็น และการเข้าถึง DApp โครงสร้างพื้นฐานของ Aethir จะช่วยให้ Aphone มีขุมพลังการประมวลผลที่จำเป็นต่อการใช้งานแอปพลิเคชัน Web3 ที่ซับซ้อน ส่งผลให้การผสมผสานเทคโนโลยีบล็อกเชนมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการทำงานของ Aphone” Booze กล่าวเสริม
โทเค็นดั้งเดิมของ Aphone จะถูกใช้สำหรับกลไกการกำกับดูแลและเป็นรางวัลเพื่อกระตุ้นการมีส่วนร่วมของผู้ใช้งาน
ติดตามข่าวสดใหม่ได้ที่ www.siambitcoin.com
