นักลงทุนในยุโรปเพิ่งเริ่มต้นสนใจแนวคิดผลิตภัณฑ์การลงทุนที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอร์เรนซี ในขณะที่สถาบันการเงินของสหรัฐฯ นำเงินเข้ามาลงทุนในกองทุน spot Bitcoin ETF กันแล้ว
การเปิดตัวกองทุน spot Bitcoin ETF ในสหรัฐฯ กำลังส่งผลกระทบทางอ้อมต่อยุโรปด้วย แต่อย่างไรก็ตาม นักลงทุนในสหภาพยุโรปยังคงระมัดระวังในการลงทุนในวงการคริปโตมาก
Martijn Rozemuller ซีอีโอ VanEck Europe ได้ให้สัมภาษณ์พิเศษกับทาง Cointelegraph เกี่ยวกับกระแสความสนใจที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุนสถาบันในสหรัฐฯ ที่มีต่อกองทุน spot Bitcoin ETF โดยเน้นย้ำถึงความแตกต่างกันอย่างชัดเจนกับสถานการณ์ในยุโรป
“นักลงทุนอเมริกันยอมรับความเสี่ยงอย่างชาญฉลาดได้มากกว่า พวกเขายังคุ้นเคยกับการเทรดในตลาด (Exchange) มากกว่านักลงทุนบางส่วนในยุโรปที่ยังคงยึดติดอยู่กับกองทุนรวมแบบเก่าที่ธนาคารหรือผู้จัดการกองทุนแนะนำเป็นหลัก” Rozemuller กล่าว
ซีอีโอ VanEck Europe ชี้ให้เห็นถึงทัศนคติที่มีความแตกต่างกันต่อวงการคริปโตเคอร์เรนซีระหว่างสองฟากฝั่งของมหาสมุทรแอตแลนติก โดยนักลงทุนในยุโรปที่สนใจคริปโตมักจะเป็น ผู้ใช้งานรายย่อย ผู้จัดการความมั่งคั่งอิสระรายเล็ก และสำนักงานบริหารทรัพย์สินของครอบครัว
ส่วนใหญ่ยังคงเป็นรายย่อย เนื่องจากสถาบันการเงินขนาดใหญ่จำนวนมากยังคงลังเลที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับคริปโตในพอร์ตการลงทุนมาตรฐานของพวกเขา
Rozemuller เสริมว่า ถึงแม้ยุโรปจะมี ETN (exchange-traded notes) ที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้องจำนวนหนึ่ง แต่หน่วยงานกำกับดูแลทางการเงินในท้องถิ่นกล่าว “อย่างชัดเจน” ว่า พวกเขาไม่สนับสนุนการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับคริปโต
เหตุผลที่ยุโรปยังไม่มีกองทุน spot Bitcoin ETF
ความน่าตื่นเต้นจากการอนุมัติ spot Bitcoin ETF ในสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อตลาดนอกสหรัฐฯ ด้วย แม้ว่ากรอบการกำกับควบคุมของยุโรปไม่อนุญาตให้มีผลิตภัณฑ์การลงทุนที่อิงกับสินทรัพย์เดียว
Rozemuller บอกว่า กฎระเบียบ Collective Investment in Transferable Securities (UCITS) ของยุโรป เป็นเหตุผลสำคัญต่อเรื่องนี้
“โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้กฎระเบียบ UCITS นี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะมี ETF ที่อ้างอิงกับสินทรัพย์เพียงตัวเดียว ภายใต้กฎระเบียบดังกล่าวมีกฎเกณฑ์เกี่ยวกับการกระจายความเสี่ยงอยู่หลายข้อด้วยกัน” Rozemuller กล่าว
ซีอีโอ VanEck Europe กล่าวว่า จากมุมมองกฎระเบียบ UCITS การมี Bitcoin ETF จริง ๆ แล้วเป็นไปไม่ได้ โดยชี้ว่าสินทรัพย์อ้างอิงของ ETF ต้องมีหมายเลข ISIN (International Securities Identification Number) จึงจะเข้าเกณฑ์การเป็น ETF ได้
VanEck Europe นั้นใช้แนวทางเชิงนวัตกรรมในการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เพื่อการลงทุนที่สามารถให้เข้าถึง Bitcoin และคริปโตอื่น ๆ ได้ ตัวอย่างเช่น ผลิตภัณฑ์ exchange-traded products (ETPs) ที่ช่วยให้มั่นใจว่า ลูกค้าจะได้รับบริการจากผู้ให้บริการสภาพคล่อง (liquidity provider) ที่เป็นอิสระจากผู้ออกผลิตภัณฑ์ในตลาดที่เปิดกว้าง
Rozemuller อธิบายต่อว่า “นั่นถือเป็นเรื่องดี เพราะมันช่วยให้ได้ราคาที่โปร่งใส ไม่อนุญาตให้เกิดปัญหาเหมือนกับผลิตภัณฑ์ของ Grayscale ในสหรัฐฯ ที่ราคาอาจมีความแตกต่างกับมูลค่าจริง”
ผลิตภัณฑ์การลงทุนที่หลากหลาย เช่น ETC (exchange-traded commodities) และ ETN (Exchange-Traded Notes) ช่วยให้มีการนำเสนอที่แตกต่างกัน โครงสร้างของ ETN เปิดโอกาสให้บริษัทอย่าง VanEck นำสินทรัพย์อย่าง Bitcoin เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของผลิตภัณฑ์ได้
“ในทางปฏิบัติแล้ว แทบไม่มีความแตกต่างที่สำคัญ เพราะ ETN ถูกซื้อขายเหมือน ETF ในรูปแบบที่คล้ายคลึงกัน เรายังใช้สัญญา futures contracts เพียงแค่มี spot Bitcoin อยู่ในผลิตภัณฑ์ด้วย แต่ ETN ในแง่กฎหมายนั้นเป็นตราสารหนี้” Rozemuller กล่าว
Bitcoin ETN ของ VanEck Europe นั้นเป็นผลิตภัณฑ์ใกล้เคียงที่สุดกับ spot Bitcoin ETF ที่เสนอในสหรัฐฯ ผลิตภัณฑ์นี้เสนอการลงทุนใน BTC โดยถือเก็บไว้ใน cold storage โดยธนาคาร Bank Frick แห่งลิกเตนสไตน์ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังเปิดตัว ETN สำหรับ Ethereum, Solana, Avalanche and Tron ที่มีโครงสร้างคล้ายกันอีกด้วย
ที่มา : cointelegraph.com
