แนวทางของสหรัฐฯ ต่อคริปโตเคอร์เรนซี อาจทำอันตรายมากกว่าผลดี และพวกเขาเสี่ยงสูญเสียผู้เล่นหลักเมื่อถึงเวลาที่พวกเขา “ลงมือร่วมกัน” Charles Hoskinson ผู้ก่อตั้ง Cardano กล่าว
“เมื่อคุณมองหน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ บางแห่งโดยเฉพาะ พวกเขาทำหน้าที่ดีจริง ๆ ในการทำให้อุตสาหกรรมส่วนใหญ่บาดหมาง พวกเขาไม่ชัดเจนเลย” Hoskinson บอกกับทาง Cointelegraph ในงานสัปดาห์ Abu Dhabi Finance Week
เขาตำหนิการรับรู้ถึงความไม่สอดคล้องกับในการใช้มาตรฐานกระจายอำนาจโดย สำนักงาน ก.ล.ต.สหรัฐฯ (SEC) โดยเน้นว่า Cardano (ADA) ไม่ได้เสนอ ICO (initial coin offering) และ ADA vouchers ก็ขายในดินแดนญี่ปุ่น ไม่เกี่ยวข้องกับสหรัฐฯ เลย
“ฉันเดาว่า เห็นชัดว่านั่นอยู่ภายใต้เขตอำนาจศาลของสหรัฐฯ” Hoskinson กล่าว “มีการแจก airdrop แต่ผู้คนก็ขายบน Binance และ Bittrex …ตามการตัดสินของศาลล่าสุดกรณีของ Ripple นั้นไม่ใช่สัญญาการลงทุน ดังนั้นจึงไม่เคยชัดเจนเลยว่านำไปใช้อย่างไร”
Charles Hoskinson กับ Hermi De Ramos ผู้สื่อข่าวชาวอาหรับที่งาน Abu Dhabi Finance Week. ที่มา: Cointelegraph
Hoskinson ยังชี้ถึงกรณีของ Ethereum ซึ่งเขากล่าวว่าดำเนินการ ICO สำหรับโทเคน Ether (ETH) แต่ปราศจากการตรวจสอบในเรื่อง KYC และการป้องกันการฟอกเงิน (AML) และ Bitcoin (BTC) ถูกระบุว่าไม่ใช่หลักทรัพย์ ด้วย “เหตุผลบางอย่าง” เขากล่าวว่า
มีข้อเท็จจริงและสถานการณ์มากมายที่ไม่ชัดเจนและดูเหมือนว่าเป็นปีศาจประจำสัปดาห์ และหากพวกเขาไม่สามารถทำสำเร็จกับเลเยอร์หนึ่งอย่าง Ripple พวกเขาก็หันไปโจมตีตลาด (Exchange) …นั่นไม่ใช่นโยบายที่มีรูปแบบที่ดีเลย
เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน ก.ล.ต.สหรัฐฯ ยื่นฟ้องต่อศาลรัฐบาลกลาง กล่าวหาว่าตลาดซื้อขายคริปโต Kraken ปะปนเงินทุนลูกค้าและไม่ได้จดทะเบียนกับหน่วยงานกำกับดูแล ในการยื่นฟ้อง ก.ล.ต.ได้ระบุ คริปโตเคอร์เรนซี 16 สกุลที่ถือเป็นหลักทรัพย์
Hoskinson ยืนยันว่ากระบวนการจดทะเบียนกับ ก.ล.ต. นั้นคลุมเครือ เนื่องจาก “เป็นไปไม่ได้เลยที่จะดำเนินการกับระบบเหล่านี้ได้อย่างเหมาะสม”
ผู้ออกเหรียญจะรู้ได้อย่างไรว่าใครถือคริปโตเคอร์เรนซีในเมื่อพวกเขาไม่สามารถควบคุมการกระจายได้? คุณจะทำ KYC และ AML กับทุกคนในโปรโตคอลแบบกระจายศูนย์แบบเปิดได้อย่างไร หากผู้ออกเลิกกิจการและโปรโตคอลยังคงดำเนินการอยู่ จะเกิดอะไรขึ้น? ใครลงทะเบียน?
เมื่อถามถึงสิ่งที่เขาต้องการเห็นอะไรจากหน่วยงานกำกับดูแลทางการเงิน Hoskinson กล่าวว่า พวกเขาต้องออกนโยบายที่ชัดเจนและไม่คลุมเครือ และใช้นโยบายเปิดกว้างระหว่างอุตสาหกรรมคริปโต หน่วยงานกำกับดูแล และผู้ออกกฎหมาย เพื่อแก้ไขปัญหา และหากจำเป็นให้ปรับปรุงกฎหมายเพื่อสะท้อนถึงเทคโนโลยีอุบัติใหม่
ขณะที่เขาเชื่อว่าการดำเนินคดีจะดำเนินต่อไป Hoskinson มั่นใจว่ากฎเกณฑ์และนโยบายจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลา
สิ่งที่เราจะได้เห็นคือการผ่านกฎหมายที่ขจัดความคลุมเครือ (เช่นกฎหมายนวัตกรรมทางการเงิน)… และจะมีกฎเกณฑ์บางอย่างระหว่าง CFTC และ SEC เพื่อจัดการเรื่องทั้งหมดนี้
ที่มา : cointelegraph.com
