การประมาณมูลค่า $5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐนั้น อ้างอิงมาจากการยึด 3 ครั้ง จากการแฮ็ก Bitfinex และ Silk Road จริง ๆ แล้วอาจมีมากกว่านี้มาก
รัฐบาลสหรัฐฯ กลายเป็นหนึ่งในผู้ถือครอง Bitcoin (BTC) รายใหญ่ที่สุด โดยมีมากกว่า 200,000 BTC มูลค่ามากกว่า $5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แม้จะขายไปไม่กี่พัน BTC มูลค่าหลายล้านเมื่อต้นปีนี้
จากการวิเคราะห์ข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะ 21.co บริษัทคริปโตประเมินว่ารัฐบาลสหรัฐฯ ยังคงถือครอง 194,188 BTC มูลค่าประมาณ $5.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ บริษัทตั้งข้อสังเกตในการวิเคราะห์นี้ว่า “เป็นการประเมินการถือครองต่ำสุดของรัฐบาลจากข้อมูลที่เปิดเผยต่อสาธารณะ”
การถือครอง Bitcoin ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มา: Dune
จากการวิเคราะห์ติดตามการเคลื่อนไหวของ Bitcoin ใน wallet ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องกับการยึด BTC ครั้งใหญ่สุดสามครั้งตั้งแต่ปี 2020 ได้แก่ การยึด Silk Road จำนวน 69,369 BTC ในเดือนพฤศจิกายน 2020 การยึดเหตุการณ์ Bitfinex Hack จำนวน 94,643 BTC ในเดือนมกราคม 2022 และการยึด James Zhong จำนวน 51,326 BTC ในเดือนมีนาคม 2022
การยึด Bitcoin ครั้งสำคัญโดยรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มา: Dune
ที่เก็บ Bitcoin ของรัฐบาลฯ จะเก็บไว้แบบออฟไลน์เป็นหลักในอุปกรณ์จัดเก็บที่เข้ารหัสที่เรียกว่า hardware wallet โดยเก็บไว้ภายใต้กระทรวงยุติธรรมและกรมสรรพากรสหรัฐฯ รัฐบาลสหรัฐฯ ทำการยึดครั้งใหญ่สองครั้งในปี 2022
สินทรัพย์ที่ถูกยึดไม่ได้เป็นของรัฐบาลทันที U.S. Marshals Service ซึ่งเป็นหน่วยงานหลักที่ถูกกล่าวหาว่าขายสินทรัพย์ที่ถูกยึด จะครอบครอง Bitcoin ที่ยึดเท่านั้น หลังจากที่ศาลพิพากษาให้ริบขั้นสุดท้ายแล้ว
รัฐบาลสหรัฐฯ ยังขาย Bitcoin ที่ยึดมาส่วนหนึ่งเป็นครั้งคราวผ่านระบบการประมูลตามคำสั่งการชำระบัญชีของศาล การประมูลครั้งใหญ่เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2014 เมื่อ Tim Draper ซื้อไป 30,000 BTC จากการประมูลของรัฐบาลในปี 2014
อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐฯ ได้หันมาใช้ตลาดซื้อขายคริปโตขาย Bitcoin ที่ยึดมาผ่านการประมูลสาธารณะ การขายดังกล่าวเกิดขึ้นในเดือนมีนาคมต้นปีนี้ เมื่อรัฐบาลขาย 9,118 BTC ในตลาดฯ Coinbase โดยเปิดเผยต่อสาธารณะ
ที่มา : cointelegraph.com