การถือครอง Bitcoin ของ Robinhood อาจทำให้ภูมิทัศน์คริปโตเปลี่ยนไปมาก โดยเพิ่มพลังอิทธิพลของนักลงทุนรายย่อย และอาจสร้างความเสี่ยงตลาดใหม่ ๆ
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและน่าสนใจ ก่อนหน้านี้ Bitcoin (BTC) address ลึกลับผลักดันตนขึ้นแท่นเป็นผู้ถือครองที่ใหญ่ที่สุดอันดับสาม เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม ที่อยู่เก็บ Bitcoin นี้ ถูกพูดถึงกันมาก สะสมสูงถึง 118,000 BTC
แม้ว่าตอนนี้รู้กันแล้วว่า Robinhood เป็นเจ้าของ แต่ก็มีคำถามกันอยู่ เนื่องจากบริษัทการเงินยักษ์ใหญ่นี้ไม่ได้ปฎิเสธหรือยืนยันว่าเป็นเจ้าของ นักวิเคราะห์บล็อกเชนบางคนตั้งข้อสังเกตว่า จริง ๆ อาจเป็นของ MicroStrategy บริษัทซอฟแวร์วิเคราะห์และธุรกิจอัจฉริยะ ซึ่งถือครอง 152,800 BTC โดยอ้างจากเอกสารที่ยื่นต่อสำนักงาน ก.ล.ต.สหรัฐฯ
ภูมิทัศน์คริปโตจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่?
หากตรวจสอบแล้วว่า Robinhood เป็นเจ้าของ 118,000 BTC จริง ผลที่ตามมาอาจสะท้อนทั่วทั้งภูมิทัศน์คริปโตเคอร์เรนซี จริงๆ แล้ว Bitcoin addresses มหาศาลขนาดนั้นมักเชื่อมโยงกับตลาดซื้อขายคริปโต (crypto exchange) ทั้งนี้ บทบาทของ Robinhood ในฐานะโบรกเกอร์ที่มุ่นเน้นหุ้นและออปชั่นถือเป็นเรื่องน่าสนใจอย่างยิ่ง
เมื่อดูภาพรวมจากรายงาน 10-Q ล่าสุดของ Robinhood นั้น พบว่า พวกเขาถือครอง Bitcoin มูลค่า $4.24 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยคำนวณราคาประมาณ $30,500 เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน ที่ผ่านมา ก็อยู่ที่ราว ๆ 139,016 BTC เป็นข้อเท็จจริงที่สอดคล้องกับการโต้แย้งของนักวิเคราะห์บล็อกเชนเกี่ยวกับการถือครองคริปโตของ Robinhood เมื่อเร็ว ๆ นี้
หาก Robinhood เป็นเจ้าของ Bitcoin address ลึกลับนี้จริง ทำให้ประเด็นหนึ่งชัดเจน นั่นคือ Bitcoin ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาสถาบันขนาดใหญ่ในการประสบความสำเร็จอีกต่อไป นักวิเคราะห์เคยเห็นแย้งว่าการเติบโตของ Bitcoin อย่างแท้จริงนั้น ต้องมีความร่วมมือจากบริษัทเพื่อการลงทุนขนาดใหญ่ หรือบริษัทอย่างเช่น Tesla และ Block ทว่าความหวังนั้นมลายหายไปแล้ว เนื่องจากรายงานล่าสุดจาก Apple และ Alphabet (บริษัทแม่ของ Google) เปิดเผยว่า พวกเขาไม่ได้ลงทุนใน Bitcoin แล้วตามที่คาดหวังไว้
สำหรับ Robinhood จากรายงานในเดือนมิถุนายน 2023 เผยว่า มีผู้ใช้งานประมาณ 23.2 ล้านราย หากมีเพียง 10% เป็นเจ้าของ Bitcoin แล้วต้องการเฉลี่ยประมาณ $1,828 ต่อคน ก็จะมีการถือครอง Bitcoin มูลค่า $4.24 พันล้านดอลาร์สหรัฐ นั่นแสดงให้เห็นว่าคนทั่ว ๆ ไป เช่นเดียวกับคนใน Robinhood สามารถมีบทบาทสำคัญในการกำหนดภูมิทัศน์ของคริปโตเคอร์เรนซีได้
ผลเสียของ Bitcoin ที่ Robinhood ถือครองอยู่
แม้ว่านักลงทุนบางส่วนต้องการให้ Bitcoin ถูกนำมาใช้งานในทุกทางเท่าที่เป็นไปได้ แต่การไปถึงจุดนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีความเสี่ยงเลย ฐานผู้ใช้งาน Robinhood เป็นที่ทราบกันดีในเรื่องการชื่นชอบซื้อขายเพื่อการเก็งกำไร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรณีของหุ้นมีมอย่าง GameStop และ Bed Bath & Beyond เทรดเดอร์เหล่านี้ก็ถือครอง Dogecoin (DOGE) จำนวนมาก ประมาณ $2.63 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
เทรนด์การลงทุนระยะสั้นทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับแนวทางการใช้ Bitcoin หากนักลงทุนเหล่านี้ซื้อ BTC โดยคาดหวังการอนุมัติกองทุน ETF ในตลาดหลักสหรัฐ โอกาสที่ราคาตกต่ำเป็นเวลานานหรือการอนุมัติล่าช้าอาจทำให้เกิดการเทขายจำนวนมาก
นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงอาจเกิดขึ้นได้แม้ห่างไกลจากการเข้ามาแทรกแซงของรัฐบาลสหรัฐฯ คล้ายกับสถานการณ์คำสั่ง 1933 Executive Order 6102 กำหนดให้แลกเปลี่ยนทองคำของเอกชนเป็นเงินเฟียต ดูเหมือนว่ามีโอกาสเกิดขึ้นน้อย แต่การดำเนินการที่เป็นไปได้จากทางการสหรัฐฯ อาจเป็นอันตรายต่อการถือครองเหล่านี้ได้
แม้แต่สถานการณ์ที่ไม่น่าเป็นไปได้ที่ระบบยุติธรรมของสหรัฐฯ หรือ Internal Revenue Service เลือกที่จะปิดกั้นสินทรัพย์เหล่านี้ด้วยการตรวจสอบผู้ใช้งานในเรื่องภาษีหรือประเด็นที่คล้าย ๆ กันนี้ การถือครอง Bitcoin จำนวนมหาศาลยิ่งเพิ่มความเสี่ยงจากสถานการณ์นี้ได้เช่นกัน และจะส่งผลกระทบต่อตลาดส่วนใหญ่
ในทางตรงกันข้าม การสะสมถือครองคริปโตเคอร์เรนซีจำนวนมหาศาลโดยลูกค้า Robinhood นั้น อาจทำหน้าที่ติดอาวุธให้กับผู้ยื่น ETF ในขณะที่เสนอบริการที่เทียบเคียงได้ การขาดการคุ้มครองนักลงทุนของ Robinhood อาจจูงใจให้สร้าง ETF ที่ปลอดภัยและได้รับการควบคุมมากขึ้น
ความเด่นชัดที่เพิ่งเจอของ Robinhood ในโลกของคริปโตเคอร์เรนซีเป็นการตอกย้ำถึงสภาพของตลาดที่วิวัฒน์อยู่ตลอดเวลา ไม่ว่า spot Bitcoin ETF จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ก็ตาม นักลงทุนก็พบช่องทางอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความเสี่ยงในการลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีอยู่ดี ไม่ว่าจะผ่านหุ้นทาง MicroStrategy, Robinhood หรือนวัตกรรมอื่น ๆ ความสามารถในการปรับตัวนี้แสดงให้เห็นว่าขอบเขตทางการเงิน นวัตกรรมและความก้าวหน้าเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ …
ที่มา : cointelegraph.com
