Alameda Research ถอนเงินกว่า 200 ล้านดอลลาร์จาก FTX.US ก่อนฟ้องล้มละลาย ตามการวิเคราะห์ของบริษัทบล็อกเชน Arkham Intelligence ที่เปิดเผยเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน
ในกระทู้ Twitter ของ Arkham เปิดเผยว่า Alameda Research ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ FTX ได้ถอนเงิน 204 ล้านดอลลาร์จาก addresses ที่แตกต่างกัน 8 แห่งของ FTX US ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเหรียญ Stablecoin ในช่วงสุดท้ายก่อนการล่มสลาย
ในบรรดาเงินที่ถูกถอนออกไปนั้นในจำนวน 116 ล้านดอลลาร์หรือ 57.1% เป็นเหรียญ Stablecoin ที่ตรึงกับดอลลาร์สหรัฐ อย่าง Tether (USDT), USD Coin (USDC), Binance USD (BUSD) และ TrueUSD (TUSD) นอกจากนี้ การวิเคราะห์ของ Arkham ยังแสดงให้เห็นว่าเงิน 49.49 ล้านดอลลาร์ (24.2%) อยู่ใน Ethereum (ETH) และ 38.06 ล้านดอลลาร์ หรือ 18.7% อยู่ใน Wrapped Bitcoin (wBTC)
“wBTC ที่ถอนออกถูกส่งไปยังกระเป๋าเงิน Alameda WBTC Merchant จากนั้นเชื่อมทั้งหมดเข้ากับ BTC Blockchain” Arkham กล่าว และเสริมว่าจำนวนเงินที่ถูกโอนออกไป 142.4 ล้านดอลลาร์ จากทั้งหมด 204 ล้านดอลลาร์ หรือ 69% นั้นถูกส่งไปยังกระเป๋าเงินที่ FTX เป็นเจ้าของระหว่างประเทศ “เป็นการบอกเป็นนัยว่า Alameda อาจดำเนินการเพื่อเชื่อมโยงระหว่างหน่วยงานทั้งสอง”
ส่วนที่เหลืออีก 10.4 ล้านดอลลาร์ถูกส่งไปยัง Binance บริษัทซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่เป็นคู่แข่ง
ในการยื่นฟ้องล้มละลายครั้งแรกต่อศาลล้มละลายสหรัฐประจำเขตเดลาแวร์ John Ray III ซีอีโอคนใหม่ของ FTX อธิบายสถานการณ์นี้ว่า เลวร้ายที่สุดที่เขาเคยเห็นในอาชีพการทำงานในองค์กรโดยเน้นย้ำถึง “ความล้มเหลวโดยสิ้นเชิงของการควบคุมองค์กร” และการไม่มี ข้อมูลทางการเงินที่เชื่อถือได้
บริษัทประมาณ 130 แห่งใน FTX Group ซึ่งรวมถึง FTX Trading, FTX US ภายใต้ West Realm Shires Services และ Alameda Research ได้ยื่นฟ้องล้มละลายในสหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน หลังจากเผชิญกับ “วิกฤตสภาพคล่อง” โดยเริ่มต้นมาจากการทวีตเทขายโทเคน FTX (FTT) ของ CEO Binance
ที่มา : cointelegraph.com
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่ช่องทางต่างๆเพียงคลิกที่ Line , Facebook , Twitter และ Telegram