ข้อมูลจากบริษัทวิเคราะห์บล็อคเชน Chainalysis แสดงให้เห็นว่า เดือนตุลาคมเป็น “เดือนที่เกิดการแฮ็กมากที่สุด” โดยเสริมว่า แฮ็กเกอร์คริปโตทำรายได้กว่า 3 พันล้านดอลลาร์จากการแฮ็ก 125 ครั้งในปีนี้
การแฮ็ก Crypto พุ่งสูงขึ้นในเดือนตุลาคม
Chainalysis แบ่งปันสถิติการแฮ็กที่เกี่ยวข้องกับ crypto เมื่อวันพุธ อธิบายว่า ในปี 2019 การแฮ็กส่วนใหญ่มุ่งเป้าไปที่การแพรตฟอร์มซื้อขายคริปโตฯ แบบรวมศูนย์ อย่างไรก็ตาม เป้าหมายส่วนใหญ่เป็นโปรโตคอลทางการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) Chainalysis กล่าวว่า :
“หลังจากเกิดการแฮ็ก 4 ครั้งเมื่อไม่นานมานี้ เดือนตุลาคมเป็นเดือนที่เกิดการแฮ็กมากที่สุด … จนถึงตอนนี้ เงินมูลค่ากว่า 718 ล้านดอลลาร์ถูกขโมยจากโปรโตคอล Defi จากการแฮ็ก 11 ครั้ง”
การแฮ็กทั้ง 4 ที่เกิดขึ้นในวันอังคารเกี่ยวข้องกับกระเป๋าเงิน Rabby, QANPlatform, Temple DAO และ Mango Markets โดยเงินที่ถูกขโมยไปมากที่สุดจากทั้ง 4 แพรตฟอร์ม คือ การแฮ็ก Mango Markets โปรโตคอล DeFi ของ Solana ซึ่งถูกขโมยไปประมาณ 115 ล้านดอลลาร์
“Cross-chain bridge ยังคงเป็นเป้าหมายหลักสำหรับแฮ็กเกอร์ โดย 3 bridge ถูกเจาะในเดือนนี้และถูกขโมยเงินไปเกือบ 600 ล้านดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็น 82% ของการสูญเสียในเดือนนี้ และ 64% ของการสูญเสียตลอดทั้งปี” Chainalysis ให้รายละเอียดว่า :
“ในปี 2022 มีแนวโน้มที่อัตราการแฮ็กจะสูงกว่าปี 2021 ซึ่งเป็นปีที่เกิดการแฮ็กมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ จนถึงตอนนี้ แฮ็กเกอร์ทำรายได้ไปแล้วกว่า 3 พันล้านดอลลาร์จากการแฮ็ก 125 ครั้ง”
ที่มา : news.bitcoin.com
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่ช่องทางต่างๆเพียงคลิกที่ Line , Facebook , Twitter และ Telegram