Timothy Ursich Jr. ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ เพื่อเป็นตัวแทนของรัฐแคลิฟอร์เนีย ให้คำมั่นว่าจะร่างกฎหมายที่เสนอให้ Dogecoin เป็นวิธีการชำระเงินอย่างเป็นทางการหากเขาชนะการเลือกตั้ง นอกจากนี้ เขายังให้ความเห็นอีกว่า เครื่องมือที่ดีที่สุดที่สามารถต่อต้านอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นในปัจจุบันคือ สกุลเงินดิจิทัลชั้นนำ เช่น Bitcoin และ Ethereum
การโหวตสามารถกำหนดสถานะในอนาคตของ DOGE ได้
สมาชิกของพรรคประชาธิปัตย์ ดร. Timothy Ursich กลายเป็นผู้สนับสนุนสกุลเงินดิจิทัลคนล่าสุด โดยการเลือกตั้งวุฒิสภาสหรัฐอเมริกาในแคลิฟอร์เนียจะมีขึ้นในวันที่ 7 มิถุนายน
ในทวีตล่าสุด นักการเมืองวัย 37 ปี สัญญาว่าจะเสนอร่างกฎหมายที่ทำให้ Dogecoin ถูกกฎหมาย เพื่อบรรลุเป้าหมายนั้น เขาจึงได้ขอความช่วยเหลือจากวิศวกรซอฟต์แวร์ Billy Markus (ผู้ร่วมก่อตั้ง Dogecoin) และ Elon Musk บุคคลที่ร่ำรวยที่สุดในโลก (ผู้สนับสนุนสินทรัพย์อย่างเปิดเผย)
ปัจจุบัน มีเพียง Bitcoin (BTC) ที่ใช้เป็นวิธีการชำระเงินอย่างเป็นทางการ เนื่องจากเอลซัลวาดอร์นำมาใช้เป็นเงินที่ถูกกฎหมายในปี 2021 และสาธารณรัฐอัฟริกากลางได้ประกาศใช้อย่างเป็นทางการเมื่อต้นปีนี้
Ursich เชื่อว่า cryptocurrencies สามารถใช้เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกาได้ ตามที่เขากล่าว สินทรัพย์ที่มีอุปทานจำกัดและมีผู้สนับสนุนหนุนหลัง เช่น Bitcoin อาจเหมาะสมกับร่างกฎหมายนี้ นอกจากนี้ นักการเมืองยืนยันว่า ETH สามารถใช้เป็นเครื่องมือดังกล่าวได้เช่นกัน แม้จะไม่มีอุปทานจำกัดเหมือน BTC ก็ตาม
Musk และ Dogecoin
เมื่อต้นปี 2021 ราคาของ Dogecoin ทะยานขึ้นสู่ระดับสูงสุดตลอดกาลที่ 0.70 ดอลลาร์ภายในระยะเวลาไม่ถึง 1 สัปดาห์ เกิดขึ้นหลังจาก Elon Musk ซีอีโอของ Tesla ทวีตพูดถึง DOGE บ่อยครั้ง ต่อมาได้กลายมาเป็นเหรียญสุดโปรดของเขา
เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา Musk ทวีตว่า หนึ่งในบริษัทที่เขาดำเนินการ SpaceX จะ “พา Dogecoin ไปทัวร์ดวงจันทร์” ไม่นานหลังจากการประกาศนั้น ราคา DOGE เพิ่มขึ้นมากถึง 35%
ไม่กี่เดือนต่อมา Musk ได้วิพากษ์วิจารณ์ Bitcoin และ Ethereum สำหรับการทำธุรกรรมที่ช้าและมีราคาแพง ในขณะที่ DOGE มีค่าธรรมเนียมที่ถูกกว่าและชำระเงินได้เร็วกว่า
เมื่อไม่กี่วันก่อน มหาเศรษฐีได้ผลักดันราคาของ DOGE อีกครั้ง โดยเปิดเผยว่า SpaceX จะยอมรับ memecoin เป็นรูปแบบการชำระเงินในไม่ช้า
ที่มา : cryptopotato.com
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่ช่องทางต่างๆเพียงคลิกที่ Line , Facebook , Twitter และ Telegram