VanEck บริษัทจัดการสินทรัพย์ของอเมริกา เชื่อว่า Bitcoin มีการเคลือ่นไหวของราคาสูงกว่าทองคำถึงสองเท่า และอาจมีมูลค่าสูงถึง 4.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯต่อเหรียญ หากสามารถใช้เงินสำรองทั่วโลกได้จริง
เมื่อวันที่ 30 มีนาคม คุณ Eric Fine หัวหน้าฝ่าย Active EM Debt ของ VanEck และหัวหน้านักเศรษฐศาสตร์คุณ Natalia Gurushina ทำการเปรียบเทียบผลกระทบของราคาทองคำและ Bitcoin (BTC) หากทั้งคู่ถูกนำมาใช้เป็นสินทรัพย์สำรองสำหรับสกุลเงินทั่วโลก
ตามการวิเคราะห์ของ VanEck พบว่า มีความเป็นไปได้ที่ราคาของ BTC จะอยู่ระหว่าง 1.3 ล้านดอลลาร์ถึง 4.8 ล้านดอลลาร์ โดยใช้ฐานข้อมูลการเงิน (M2) ของ Investopedia เปรียบเทียบกับอุปทานหมุนเวียนของสกุลเงินและเงินฝากธนาคารทั้งหมด
ในขณะที่การประเมินราคาทองคำต่อออนซ์ Fine และ Gurushina มีความเป็นไปได้ที่ฐานการเงินจะมีมูลค่าอยู่ที่ 31,000 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับที่เชื่อถือได้ เพราะ “ธนาคารกลางหลายแห่งถือครองทองคำเป็นเงินสำรองเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีเลย” อย่างไรก็ตาม การขาดเงินฝากทำให้การทำนายฐานเงิน M2 มีผลกระทบและอาจส่งผลทำให้ราคาของทองคำอยู่ที่ 105,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์
เนื่องด้วยความไม่สงบทางการเมืองระหว่างรัสเซียกับยูเครน ทำให้หลายๆ ประเทศต่างร่วมมือกันคว่ำบาตรเศรษฐกิจรัสเซีย เมื่อเร็ว ๆ นี้ทำให้รัสเซียต้องพิจารณาใช้สกุลเงินต่างๆ รวมถึง Bitcoin เพื่อซื้อขายน้ำมันกับคู่ค้าที่ “เป็นมิตร” อย่างจีนและตุรกี
จากเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้น มีแนวโน้มว่าธนาคารกลางของแต่ละประเทศอาจนำ Bitcoin มาใช้เป็นเงินทุนสำรองมากยิ่งขึ้น และอาจส่งผลให้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ มูลค่าลดลงแต่ยังคงสถานะเป็นสกุลเงินหลักของโลกได้ต่อไป โดยสกุลเงินหยวนของจีนมีแนวโน้มมากที่สุดที่อาจถูกนำมาใช้เป็นเงินสำรองใหม่
VanEck มีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมคริปโตด้วยการเปิดตัว Bitcoin Strategy ETF (XBTF) ซึ่งเป็นกองทุนซื้อขายแลกเปลี่ยน Bitcoin Futures (ETF) ที่มีสินทรัพย์สุทธิ ทั้งหมดคิดเป็นเงินมูลค่า 30.1 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้บริษัทยังได้ยื่นคำขอต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) เพื่อเปิดตัว ETF ใหม่ที่มุ่งเน้นไปที่การขุดทองคำและบริษัทขุดคริปโต
ที่มา : cointelegraph.com
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่ช่องทางต่างๆเพียงคลิกที่ Line , Facebook , Twitter และ Telegram