แฮกเกอร์ชาวเกาหลีเหนือโจรกรรม Crypto มูลค่าหลายร้อยล้านและใช้เทคนิกที่ซับซ้อน
ขณะที่จีนและรัสเซียมักจะให้ความสนใจของรัฐบาลไปที่ความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ เกาหลีเหนือก็โผล่ขึ้นมาเป็นผู้นำในการโจมตีในโลกไซเบอร์
ในรายงานล่าสุดศูนย์ความมั่นคงแห่งอเมริกาใหม่ (CNAS) ได้เตือนเกี่ยวกับองค์กรอาชญากรรมไซเบอร์ที่นำโดยเปียงยางที่รู้จักกันในชื่อกลุ่มลาซารัส(Lazarus Group) ภายหลังได้เปลี่ยนจาก “ทีมแฮ็กเกอร์อันธพาลไปเป็นกองทัพที่เชี่ยวชาญของอาชญากรไซเบอร์และบริษัทในเครือต่างประเทศ” ที่ขโมย crypto มูลค่าหลายร้อยล้านดอลลาร์
CNAS เตือนว่าองค์กรนี้ได้ขโมยทรัพย์สินดิจิทัลมูลค่าประมาณ 300 ล้านดอลลาร์ในปี 2020 จาก Exchange KuCoin ในสิงคโปร์ US Think Tank ยังชี้ให้เห็นถึงเทคนิคการแฮ็กที่ “ซับซ้อน” ที่แก๊งค์ใช้ว่า
“การโจมตีครั้งใหญ่นี้รวมถึงเทคนิคการแฮ็กและการฟอกเงินที่ซับซ้อน รวมถึงการใช้แพลตฟอร์ม DeFi เพื่อพยายามทำให้กิจกรรมเกิดความสับสน”
อย่างไรก็ตาม Lazarus Group ไม่ได้ทำให้เกิดความสับสนต่อทรัพย์สินที่ถูกขโมยมาเพียงพอ ทำให้การติดตามการโจมตีทำได้ง่าย
“แม้ว่าแฮ็กเกอร์จะใช้ที่อยู่ Bitcoin ต่างกันเพื่อย้ายกองทุนที่ถูกขโมยไป พวกเขายังคงรวมมันเข้าเป็นกลุ่มย่อย ทำให้ง่ายต่อการเชื่อมโยงความเป็นเจ้าของของพวกเขากับแหล่งที่มาเดียว”
จากการวิเคราะห์อื่นที่ดำเนินการโดย Chainalysis อาชญากรไซเบอร์ชาวเกาหลีเหนือขโมย crypto มูลค่าเกือบ 400 ล้านดอลลาร์ในปี 2021 เพียงปีเดียว ผู้ร้ายได้รวบรวมเงินทุนหลังจากโจมตีบริษัทแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลและการลงทุน
Bitcoin คิดเป็น 20% ของสินทรัพย์ที่ถูกขโมย ในขณะที่ Ether คิดเป็นมากกว่าครึ่งหนึ่งของการปล้นทั้งหมด 58% ส่วนที่เหลืออีก 22% เป็นของ altcoins และโทเค็น ERC-20 อื่นๆ
แม้จะมีการคว่ำบาตรมากมายจากสหรัฐอเมริกา แต่เกาหลีเหนือยังคงทำงานเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์ของตน เมื่อต้นเดือนนี้ องค์การสหประชาชาติ (UN) กล่าวหาว่ารัฐในเอเชียให้ทุนสนับสนุนการทดลองขีปนาวุธด้วยทรัพย์สินดิจิทัลที่ถูกขโมย
องค์กรดังกล่าวระบุว่าเกาหลีเหนือเปิดตัวการทดลองนิวเคลียร์ 9 ครั้งในเดือนมกราคมเพียงเดือนเดียว ซึ่งเป็นจำนวนครั้งที่มีการทดสอบมากที่สุดในประวัติศาสตร์อาวุธของประเทศในเดือนเดียว
โดย UN แจ้งเตือนว่า
“เกาหลีเหนือแสดงให้เห็นถึงความสามารถที่เพิ่มขึ้นสำหรับการปรับตัวอย่างรวดเร็ว ความคล่องตัว และปรับปรุงความยืดหยุ่นของกองกำลังขีปนาวุธของตน”
อย่างไรก็ตาม จีนและรัสเซียปฏิเสธที่จะลงนามในแถลงการณ์ที่กล่าวหาเกาหลีเหนือว่าเปิดตัวโครงการดังกล่าว
ที่มา : cryptopotato.com
สามารถติดตามข่าวสารได้ที่ช่องทางต่างๆเพียงคลิกที่ Line , Facebook , Twitter และ Telegram