กระทรวงการคลังสหรัฐฯ กล่าวว่าการใช้ศิลปะเพื่อการลงทุนหรือสินทรัพย์ทางการเงินที่เพิ่มขึ้น อาจทำให้งานศิลปะที่มีมูลค่าสูงเสี่ยงต่อการฟอกเงิน
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ได้เผยแพร่ผลการศึกษาเกี่ยวกับตลาดศิลปะที่มีมูลค่าสูง โดยเน้นถึงศักยภาพของวงการ NFT ในเรื่องการดำเนินการฟอกเงินหรือดำเนินการจัดหาเงินทุนเพื่อการก่อการร้าย
รายงาน “Study of the facilitation of money laundering and terror finance through the trade in works of art” ของกระทรวงการคลังฯ ชี้ว่า มีการใช้ศิลปะเพื่อการลงทุนหรือสินทรัพย์ทางการเงินมากขึ้น อาจทำให้งานศิลปะที่มีมูลค่าสูงเสี่ยงต่อการฟอกเงิน
ตลาดศิลปะออนไลน์อุบัติใหม่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงใหม่ ๆ ขึ้นอยู่กับโครงสร้างและสิ่งจูงใจของกิจกรรมบางอย่างในวงการตลาดนี้ (เช่น การซื้อ NFT, หน่วยดิจิทัลบนบล็อกเชนที่สามารถแสดงความเป็นเจ้าของงานศิลปะดิจิทัล
การศึกษาเน้นย้ำถึงความสำคัญของ NFT ในการแสดงความเป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัลและสินทรัพย์ในโลกจริง กระทรวงการคลังยังชี้ให้เห็นว่าราคา NFT กำหนดโดยผู้ซื้อและผู้ขายมิใช่ตลาด
จากข้อมูลของทางการสหรัฐฯ ช่วงสามเดือนแรกในปี 2021 ตลาด NFT สร้างสถิติซื้อขายทะลุ $1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และเติบโต 2,627 เปอร์เซ็นต์จากไตรมาสก่อนหน้า
ทั้งนี้ NFT ในปี 2020 เพียงปีเดียวมีมูลค่ามากกว่า $20 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ กระทรวงการคลังสหรัฐฯ ชี้ว่ามีความเป็นไปได้ที่อาชญากรอาจซื้อ NFT ด้วยเงินที่ผิดกฎหมายและขายต่อให้นักสะสมที่ไม่ระวังตัว “ซึ่งฟอกด้วยเงินสะอาดที่ไม่ผูกพันกับอาชญากรรมครั้งก่อน”
นอกจากนี้ NFT ยังสามารถขาย NFT ผ่านการขายแบบเพียร์ทูเพียร์ (P2P) ได้ ซึ่งไม่จำเป็นต้องมีคนกลางหรือบันทึกธุรกรรมผ่านบัญชีแยกประเภทสาธารณะ ในขณะที่เน้นย้ำถึงช่องโหว่ต่าง ๆ ในการฟอกเงินที่เกิดขึ้นจากระบบนิเวศ NFT กระทรวงการคลังสรุปว่า
“ยิ่งไปกว่านั้น ผู้เข้าร่วมในวงการแบบเดิม ๆ เช่น แกลอรี่หรือบริษัทประมูล อาจไม่มีความเข้าใจทางเทคนิคเกี่ยวกับเทคโนโลยีบัญชีแยกประเภทที่จำเป็นในการระบุและยืนยันตัวตนลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพในวงการนี้”
ที่มา : cointelegraph.com
