เหรียญ Stablecoin ไม่ใช่สกุลเงิน แต่เป็นสินทรัพย์ คุณ Christine Lagarde ประธาน ECB กล่าว
คุณ Christine Lagarde ประธานธนาคารกลางแห่งยุโรป (ECB) กล่าวว่า คริปโตเคอร์เรนซีที่หนุนด้วยเงินตราเป็นสินทรัพย์ และไม่ควรเข้าใจผิดว่าเป็นสกุลเงิน
“Stablecoin ต่าง ๆ แสร้งทำเป็นเงิน ทว่าจริง ๆ แล้ว มันเกี่ยวข้องเงินตราจริง ๆ อย่างเช่น หลายคนบอกว่าใช้ทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้ และมูลค่าของมันเทียบเท่ากับดอลลาร์” Lagarde กล่าว โดยอ้างถึงผู้ออก Stablecoin
คุณ Lagarde กล่าวปราศรัยประมาณ 30 นาที เมื่อวันอังคาร ในประเด็น “World’s Greatest Challenges” หรือ “ความท้าทายที่ยิ่งใหญ่สุดในโลก” เป็นหนึ่งซีรีส์ Time 100 Talks กับผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดในโลก ซึ่งจัดขึ้นโดยคุณ Klaus Schwab ผู้ก่อตั้ง World Economic Forum (WEF) เป็นเจ้าภาพในการอภิปราย
“ฉันต้องการโฟกัสแง่มุมของการปฏิวัตินี้ นั่นก็คือประเด็นของสกุลเงินดิจิทัล หรือฉันควรจะพูดถึง สกุลเงินดิจิทัลแบบกระจายศูนย์ อย่าง Bitcoin” คุณ Schwab กล่าว
เรียกร้องให้พูดอย่างเปิดเผย
คุณ Schwab ถามคุณ Lagarde ว่า สกุลเงินแบบกระจายศูนย์สามารถนำไปสู่ความมั่นคงทางการเงินหรือเธอเชื่อว่าเป็นภัยคุกคาม
คุณ Lagarde ใช้โอกาสนี้แสดงความเห็นของเธอว่า สิ่งแรกเลย การกำหนดและการจัดหมวดหมู่สินทรัพย์คริปโตอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญ
พวกมันทำตัวเป็นสกุลเงิน แต่มันไม่ใช่เช่นนั้น ดังนั้นฉันคิดว่าเราทุกคนในวงการเงินและหน่วยงานกำกับดูแลควรพูดอย่างเปิดเผย
เธอยังแนะนำว่าคำว่า Stablecoin หรือ คริปโตเคอร์เรนซีต่าง ๆ ที่หนุนด้วยสกุลเงินตราอย่างเช่นดอลลาร์สหรัฐ เหมาะสมกับคำอธิบายนี้
“I think very recent history has [shown] that those reserve currencies were not always available and as liquid as they were intended to be,” Lagarde said.
“ฉันคิดว่าที่ผ่านมาสกุลเงินสำรองเหล่านั้นไม่ได้มีอยู่ตลอดเวลาและไม่ได้มีสภาพคล่องตามที่ตั้งใจไว้” คุณ Lagarde กล่าว
คุณ Lagarde อาจหมายถึงการเปิดเผยล่าสุดของ USDT Stablecoin ที่ออกโดย Tether หนุนด้วย “ทุนสำรองดอลลาร์สหรัฐ” 49% จากตราสารหนี้ภาคเอกชน (Unspecified Commercial Paper) ตั้งแต่นั้นมา คุณ Eric Rosengren เจ้าหน้าที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ เรียก Tether ว่าเป็น “ความท้าทายต่อความมั่นคงทางการเงิน”
ขณะที่ USDC เหรียญ Stablecoin ที่ออกโดย Circle และ Coinbase ก็เปิดเผยทำนองเดียวกันว่า 9% ของเงินสำรองเป็นตราสารหนี้ภาคเอกชน (Commercial Paper)
ผู้ออก Stablecoin ต้องรับประกันว่าผู้ใช้งานสามารถแลกเปลี่ยนเหรียญของพวกเขาเป็นดอลลาร์ได้ตลอดเวลา คุณ Lagarde กล่าว พร้อมทั้งเสริมว่าผู้ออกเหรียญต้องสำรองเหรียญของพวกเขาด้วยเงินดอลลาร์ให้มากที่สุดเท่ากับเหรียญที่มีอยู่
สิ่งนี้จำเป็นต้องตรวจสอบ ควบคุม และกำกับดูแล เพื่อให้ผู้บริโภคและผู้ใช้งานสามารถรับประกันได้ว่าไม่เกิดการบิดเบือนความจริง
การตอบสนองความต้องการเงินยูโรดิจิทัล (Digital Euro)
คุณ Shwab ยังถามคุณ Lagarde เกี่ยวกับแผนงานออกเงินยูโรดิจิทัลของ ECB ในอีกสี่ปีข้างหน้า
“อะไรจะเป็นประโยชน์จากความเคลื่อนไหวดังกล่าว และหลุมพรางที่จะเกิดขึ้น? มันจะเสริมสร้างความแข็งแกร่งหรือความอ่อนแอต่อเงินยูโรในระดับโลกหรือไม่” คุณ Schwab ถาม
คุณ Lagarde ตอบว่า ECB จะเริ่มทดสอบสองปี ดังนั้นสถาบันจะพร้อมตอบสนองความต้องการเงินยูโรหากมันมีอยู่จริง
“ธนาคารกลางยุโรปนั้น เราเชื่อว่าเราควรมีความพร้อมและมีเทคโนโลยีพร้อมใช้งาน เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า หากลูกค้าต้องการใช้สกุลเงินดิจิทัลมากกว่าธนบัตรและเงินสด ก็ควรจะใช้ได้” คุณ Lagarde กล่าว
คุณ Lagarde ยังบอกอีกว่า การทดสอบจะมุ่งเน้นหลายอย่างด้วยกัน ได้แก่ ความพร้อมของเงินยูโรดิจิจิทัล (ในลักษณะเดียวกับเงินสด) ความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัย ความเป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน ความสามารถในการใช้จ่าย และการรองรับเงินยูโรดิจิทัลไม่ได้จำกัดแค่ในยุโรปเท่านั้น แต่ต้องรองรับทั่วโลก
ที่มา : coindesk.com
——————————————————–
สนับสนุนโดยกลุ่ม Coin Thai Talk : https://www.fb.com/groups/CoinThaiTalk/ กลุ่มใหม่ของคนรักคริปโต