บริษัทเพย์เมนต์ยักษ์ใหญ่เชื่อมันต่อ stablecoin แต่อาจมองข้ามศักยภาพของ DeFi ไป
ในช่วงประชุมผลประกอบการ Visa Q1 เมื่อวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา คุณ Al Kelly ซีอีโอ เผยความเห็นเกี่ยวกับความมุ่งมั่นของเพย์เมนต์ยักษ์ใหญ่ด้านเพย์เมนต์คริปโตและการแลกเปลี่ยนคริปโต รวมทั้งเผยถึง “ความคิดเห็นของ Visa ต่อคริปโตและแนวทางของบริษัท”
บริษัทให้บริการทางการเงินมีมูลค่าทรัพย์สินมากกว่า $72 พันล้านเหรียญ ในปี 2019 เริ่มให้บริการเพย์เมนต์คริปโตอย่างจริงจัง รวมทั้งร่วมมือกับพันธมิตรออกบัตรเดบิตคริปโต และลงทุนใน Zap สตาร์ทอัพเพย์เมนต์คริปโตอีกด้วย…
ความเห็นของ Visa เผยออกมาอย่างชัดเจนในวันพฤหัสฯ ว่า บริษัทยังคงมีแผนระยะยาวในแวดวงนี้ และบริษัทเชื่อว่าตนอยู่ในตำแหน่งที่ดีเยี่ยม คุณ Kelly กล่าวว่า “เราเชื่อว่าเราอยู่ในตำแหน่งที่ไม่เหมือนใคร ช่วยให้คริปโตเคอร์เรนซีปลอดภัย ใช้งานได้จริง และเหมาะสมในการชำระเงินมากขึ้นกว่าเดิม” โดยอาศัยการสเกลของ Visa การบูรณาการและแบรนด์ที่แข็งแกร่ง
แต่แฟน ๆ ของ Ethereum และการเติบโตอย่างรวดเร็วของ DeFi อาจแปลกใจกับมุมมองที่ล้าสมัยของบริษัทยักษ์ใหญ่ต่อแพลตฟอร์มสัญญาอัจฉริยะ
คุณ Kelly กล่าวว่า Visa แบ่งสินทรัพย์บล็อกเชนออกเป็น 2 ประเภทหลัก “คริปโตเคอร์เรนซีที่เป็นสินทรัพย์ใหม่ อย่างเช่น Bitcoin” และทำหน้าที่เป็นตัวเก็บมูลค่า (store-of-value) “เหรียญ Stablecoin ที่ตรึงเอาไว้กับสกุลเงินตราที่มีอยู่เดิม” มักใช้เป็นตัวกลางในการชำระเงิน (payment)
สำหรับเหรียญที่เป็นตัวเก็บมูลค่านั้น คุณ Kelly บอกว่า Visa จะทำหน้าที่เป็น fiat on-ramp
กลยุทธ์ของเราในเรื่องนี้ จะทำงานร่วมกับ wallet และ exchange ทั้งหลาย ช่วยให้ลูกค้าสามารถซื้อสกุลเงินเหล่านี้ โดยใช้ Visa credentials ของพวกเขา หรือแปลงเป็นเงินตราซื้อสินค้าจาก 70 ร้านค้าทั่วโลกที่ Visa รองรับ
อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึง stablecoin นั้น Visa มีท่าทีมั่นใจมากขึ้น โดยเรียกคริปโตเคอร์เรนซีเหล่านั้นว่าเป็น “นวัตกรรมด้านเพย์เมนต์ที่เกิดขึ้นใหม่อาจมีศักยภาพใช้ในทางการค้า เช่นเดียวกับสกุลเงินตราอื่น ๆ” และกล่าวว่า บล็อกเชนสาธารณะสามารถมองว่าเป็นเครือข่ายชำระเงินอย่างเช่น เครือข่าย RPT หรือ ACH เป็นต้น
บริษัทยังบอกกับนักลงทุนด้วยว่า Visa พร้อมนำข้อดีต่าง ๆ ของคริปโตที่มีศักยภาพผลักดันให้กลายพลังสำคัญของเพย์เมนต์ เนื่องจากมีความสัมพันธ์อันดีกับผู้ให้บริการกระเป๋าเงินดิจิทัลทั้งหลาย อย่างเช่น “Crypto.com, [BlockFi], Fold และ BitPanda” รวมทั้งสามารถผนวกกับเครือข่ายการชำระเงินตรา 160 สกุลเงิน ได้โดยตรง อีกด้วย
การให้ความสำคัญต่อเพย์เมนต์เป็นหลัก สะท้อนถึงความเชื่อมั่นคล้ายกับผู้บริหาร JPMorgan Chase ที่มองข้ามการเติบโตของ DeFi ไป ในช่วงปี 2020 ที่ผ่านมา
ที่มา : cointelegraph.com
——————————————————–
สนับสนุนโดยกลุ่ม Coin Thai Talk : https://www.fb.com/groups/CoinThaiTalk/ กลุ่มใหม่ของคนรักคริปโต