ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ Halving ของ Bitcoin กำลังดึงดูดความสนใจนักวิเคราะห์จาก Wall Street บางคน
เมื่อวันที่ 30 เมษายน คุณ Chris Wood หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์ระดับโลกของ Jefferies บอกว่า นักลงทุนซื้อ Bitcoin ก่อนเหตุการณ์ Halving จะมาถึง ซึ่งรางวัลการขุดต่อบล็อกลดลงครึ่งหนึ่งจาก 12.5 BTC เหลือ 6.25 BTC
คุณ Wood ในฐานะคนเขียนบันทึกประจำสัปดาห์ “Greed and Fear” ของบริษัท เขาเขียนว่าเหตุการณ์ Halving “จะสร้างแรงกดดันต่อดีมานต์ให้ราคา Bitcoin พุ่งสูงขึ้น ทำนองเดียวกันกับกรณีที่เหตุการณ์ Havling เกิดขึ้นในอดีต เมื่อปี 2012 และ 2015”
คำถามสำคัญที่ว่า เหตุการณ์ Halving จะส่งผลให้ราคา Bitcoin ทะยานขึ้นหรือไม่นั้นกลายเป็นหัวข้อถกเถียงกันอย่างเมามันตลอดทั้งปี ต่างให้เหตุผลว่าอุปทานที่ลดลงครึ่งหนึ่งมีผลต่อราคา ซึ่งเหตุการณ์ Halving ครั้งใหม่ล่าสุดจะเกิดขึ้นในวันที่ 12 พฤษภาคม นี้
ราคา Bitcoin ร่วงหนักในช่วงกลางเดือนมีนาคม หลังจากนั้นฟื้นตัวกลัวมาได้ ~33% นับตั้งแต่วันที่ S&P500 ดิ่งหนักเมื่อวันที่ 23 มีนาคม (ข้อมูลจาก The Block Research)
“ล่าสุดความจริงก็คือ ราคา Bitcoin ได้รับผลกระทบจากความเสี่ยงในเดือนมีนาคม ราคาร่วงหนัก 57% จากราคา US$9,184 ลงไปถึง US$3,915 เมื่อวันที่ 13 มีนาคม (ดู Exhibit 11)” Wood ย้ำว่าเนื่องจากแรงเทขายอย่างหนัก “สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าต้องกังวลถึง GREED & fear เป็นอีกสินทรัพย์หนึ่งที่เสี่ยงสูง”
คุณ Wood เขียนอีกต่อไปว่า
ในแง่ของความกลัวและความโลภ (GREED & fear) ยังคงเชื่อมั่นว่านักลงทุนควรเป็นเจ้าของทั้งทองคำ (Gold) และบิตคอยน์ (Bitcoin) ในแง่ที่ว่าทั้งสองไม่ได้มีอะไรพิเศษร่วมกันเลย ทั้งสองแตกต่างกันอย่างชัดเจนตามมุมมองของนักลงทุนแต่ละคน
ยิ่งไปกว่านั้น คุณ Wood เน้นย้ำว่า Bitcoin สามารถเพิ่มความหลากหลายกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ตลงทุน (investment portfolio)
“มันควรสร้างความหลากหลายให้กับพอร์ตการลงทุน ทำนองเดียวกับทองคำ แต่มันกระจายศูนย์อย่างแท้จริง” เขากล่าว “ด้วยฟีเจอร์สำคัญนี้นั่นเอง รวมถึงเรื่องอุปทานจำกัด ทำให้ป้องกันความเสี่ยงจากธนาคารกลางอย่างกรณีของเงินตรา”
ที่มา : theblockcrypto.com
——————————————————–
สนับสนุนโดยกลุ่ม Coin Thai Talk : https://www.fb.com/groups/CoinThaiTalk/ กลุ่มใหม่ของคนรักคริปโต