วันที่ 3 มกราคม 2020 เครือข่าย Bitcoin จะครบรอบ 11 ปีอย่างเป็นทางการและเทคโนโลยีนี้เปลี่ยนชีวิตผู้คนไปมากมาย นับตั้งแต่บล็อกเชนเกิดขึ้นมา นักวิชาการและนักเศรษฐศาสตร์ศึกษาอย่างจริงจังและเขียนบทความทางวิชาการนับพันรายการครอบคลุมหลากหลายหัวข้อ ในปี 2019 มีเอกสารทางวิชาการมากกว่า 13,700 บทความ และมีวรรณกรรมทางวิชาการที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin เผยแพร่ผ่านทาง Google Scholar มากมาย
บทความทางวิชาการ Bitcoin
ในวันฮาโลวีน 2008 Satoshi Nakamoto ปล่อยสมุดปกขาว (Bitcoin whitepaper) ทางอินเทอร์เน็ตออกมา และเขาคงไม่อาจคาดเดาได้ว่าสิ่งประดิษฐ์ใหม่ของเขาจะยิ่งใหญ่เพียงใด หลังจากเผยแพร่ออกมาผ่าน Cryptography Mailing List แล้ว สองเดือนต่อมาเขาก็เปิดตัวเครือข่ายขึ้นมา เทคโนโลยีเริ่มก่อตัวขึ้นอย่างช้า ๆ บนโลกอินเทอร์เน็ต และทั่วโลกก็รับรู้เทคโนโลยีนี้ผ่านฟอรัมและโซเชียลมีเดีย
ในปี 2009 ทันทีหลังเครือข่าย Bitcoin เปิดตัว นักวิเคราะห์ นักวิชาการ นักศึกษา และนักเศรษฐศาสตร์ ต่างให้ความสนใจโปรโตคอลที่น่าสนใจที่เรียกว่า Bitcoin นี้ นักวิจัยเริ่มค้นคว้าหัวเรื่องสร้างงานวิจัยอย่างเป็นระบบ รวมถึงเอกสารเพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีบล็อกเชนและโซลูชั่นคริปโตเคอร์เรนซีอีกด้วย
ในปี 2009 บนแพลตฟอร์ม Google Scholar มี 89 บทความทางวิชาการที่กล่าวถึง Bitcoin และในปี 2010 เพิ่มขึ้น 136 บทความ
การศึกษาเกี่ยวกับหัวข้อคริปโตเคอร์เรนซีเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เอกสารทางวิชาการสกุลเงินดิจิทัลที่ตีพิมพ์ออกมาช่วยให้เกิดมาตรฐานและยืนยันถึงข้อเท็จจริงต่าง ๆ ควบคู่ไปกับผลการทดสอบเครือข่าย
ยิ่งไปกว่านั้น นักวิจัยยังทุ่มเทเขียนเอกสารวิชาการที่เกี่ยวข้องกับการแก้ปัญหาด้วยเทคโนโลยีบัญชีแยกประเภทแบบกระจายศูนย์ (distributed ledger technology) เอกสารทางวิชาการคริปโตเคอร์เรนซี และวารสารทางวิชาการที่อภิปรายและสนับสนุนทางทฤษฎีและตั้งคำถามเชิงสมมติฐานอีกด้วย
ในปี 2011 จนถึงปี 2013 เอกสารวิชาการใน Google Scholar จำนวนมากมองว่า เทคโนโลยีบล็อกเชนเป็นการสิ้นเปลืองทรัพยากร และอธิบายว่า Bicoin ไม่มีวันยั่งยืน ขณะเดียวกันผลการศึกษาที่เผยแพร่อื่นๆ ในช่วงยุคต้นนั้น ยังพูดถึงรายละเอียดว่า เทคโนโลยีบล็อกเชนและโซลูชั่นคริปโตเคอร์เรนซีสามารถปฏิวัติโลกทางการเงินได้อย่างไร
ในปี 2011 พบ 218 บทความทางวิชาการบนแพลตฟอร์ม Google Scholar ที่กล่าวถึง Bitcoin จำนวนเพิ่มขึ้นเท่าตัวในปีถัดมา และในปี 2013 จำนวนบทความเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าอีกครั้งราว 868 บทความที่สามารถค้นเจอ ตั้งแต่ปี 2014 พบจำนวน 2,070 บทความออนไลน์ เพิ่มขึ้น 561% และล่าสุดพบมากกว่า 13,700 บทความที่สามารถค้นหาได้ผ่านเว็บ
แหล่งที่มาของบทความทางวิชาการออนไลน์ของ Bitcoin
บทความทางวิชาการเหล่านี้มาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังที่รู้จักกันดี อย่างเช่น Duke Law, Princeton, Lund University, Cornell, Cambridge, Lomonosov, MIT, Humboldt, Harvard, Stanford และ Oxford ไม่เพียงแต่เฉพาะมหาวิทยาลัยมีชื่อเชียงเท่านั้น แต่ยังมีงานวิจัยบล็อกเชนจากมหาวิทยาลัยเอกชน รวมถึงบทความวิชาการที่ตีพิมพ์โดยหน่วยงานรัฐบาล หน่วยงานทางการเงิน ธนาคารกลาง และนักเศรษฐศาสตร์อีกด้วย
ทุกวันนี้มหาวิทยาลัยทั่วโลก มีศูนย์วิจัยเฉพาะทาง หลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับคริปโตเคอร์เรนซีและคณะวิชาพิเศษที่มุ่งเน้นการศึกษาเทคโนโลยีนี้ ในปี 2019 Coinbase ได้เผยแพร่รายงานออกมาว่า 50 ของมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก มีหลักสูตรเกี่ยวข้องกับคริปโตหรือบล็อกเชนอย่างน้อย 1 หลักสูตร
เอกสารทางวิชาการ 13,700 บทความออนไลน์บน Google Scholar เกี่ยวข้องกับเนื้อหา Bitcoin ที่หลากหลาย อาทิ คริปโตเคอร์เรนซีพื้นฐาน โซลูชั่นการโอนเงิน สัญญาอัจฉริยะ และพื้นฐานเทคโนโลยีบัญชีกระจายศูนย์ หัวข้อทางวิชาการเชิงลึกอื่น ๆ และหัวข้ออภิปรายเครือข่ายทางคอมพิวเตอร์ที่ซับซ้อน แม้กระทั่งด้านกฎหมาย คณิตศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ และสังคมวิทยาอีกด้วย
เอกสารบางส่วนอภิปรายเรื่องการโจมตีและช่องโหว่ต่าง ๆ ขณะที่อีกบางส่วนพูดถึงการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานของ Bitcoin แอพพลิเคชั่นของบุคคลที่สามโดยรวม นับตั้งแต่อินเทอร์เน็ตเกิดขึ้นมา การเผยแพร่เอกสารทางวิชาการก็ได้เผยแพร่สู่ออนไลน์ และเทคโนโลยีเปลี่ยนโลกอย่าง Bitcoin ก็ถูกนำเสนอผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ Google Scholar เช่นกัน
ที่มา : news.bitcoin.com
——————————————————–
สนับสนุนโดยกลุ่ม Coin Thai Talk : https://www.fb.com/groups/CoinThaiTalk/ กลุ่มใหม่ของคนรักคริปโต
