- สื่อกระแสหลักเผยแพร่ข่าวทำให้คนเกิดความกลัว ความไม่แน่ใจ และความสับสน (FUD) เกี่ยวกับ Bitcoin ที่เกิดแรงเทขายอย่างหนักเมื่อเร็ว ๆ นี้
- สำนักข่าวขาดข้อเท็จจริงที่ว่า Bitcoin เป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีความสัมพันธ์กัน (uncorrelated asset) กับสินทรัพย์อื่น
- และเช่นกันสื่อกระแสหลักมองข้ามกรณีการใช้งาน Bitcoin กำลังเติบโตขึ้นทุกวัน
สื่อการเงินกระแสหลักถล่ม Bitcoin ช่วงราคาร่วงหนักสุดอีกครั้ง เนื่องจากคริปโตเคอร์เรนซีหมายเลขหนึ่งราคาร่วงถึง $6,515 ประมาณ 23% ภายในสัปดาห์เดียว แรงเทขายอย่างหนักทำให้สื่อกระแสหลักได้ทีเขย่าคริปโตเคอร์เรนซีชั้นนำย่อยยับจนไม่เหลือชิ้นดี
ยกตัวอย่างเช่น Forbes ถือโอกาสช่วงที่ราคา Bitcoin ร่วงหนัก นิตยสารเกี่ยวกับธุรกิจที่มีผู้อ่าน 200,000 วิว พาดหัวข่าวแรงว่าคริปโตเคอร์เรนซีร่วงหนัก เนื่องจาก “คุณไม่ต้องการมัน” ผู้เขียนมองว่า Bitcoin จะประสบความสำเร็จ ก็ต่อเมื่อธนาคารกลาง ตลาดหลักทรัพย์ และทองคำนั้น ล้มเหลว สิ่งนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าผู้เขียนขาดความเข้าใจเกี่ยวกับการทำงานของคริปโตเคอร์เรนซีอย่างสิ้นเชิง
ด้วยเหตุนี้ ฉันคิดว่าถือเป็นโอกาสดีที่สื่อกระแสหลัก (mainstream media, MSM) ควรได้เรียนรู้เกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซีหมายเลขหนึ่งมากขึ้น ปัจจัยสำคัญของ Bitcoin 3 ที่ไม่ปรากฏในสื่อกระแสหลัก
1. Bitcoin เป็นสินทรัพย์ไม่มีความสัมพันธ์กับสินทรัพย์อื่น (Uncorrelated Asset)
สิ่งแรกเลย Bitcoin เป็นสินทรัพย์ที่ไม่มีความสัมพันธ์กับสินทรัพย์อื่น ๆ ที่มีอยู่ อาทิ หุ้นต่าง ๆ และทองคำ เป็นต้น มีข้อมูลสำคัญสนับสนุนข้อเท็จจริงนี้
รายงาน CoinMetrics เปิดเผยว่า โดยทั่วไปแล้ว Bitcoin ไม่มีความสัมพันธ์กับดัชนีหุ้น S&P 500 เลยในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา มีบางช่วงที่สินทรัพย์ทั้งสองดูเหมือนว่าสัมพันธ์กันแต่ไม่เพียงพอที่จะนำเสนอว่าสัมพันธ์กันอย่างมีนัยสำคัญ โปรดจำไว้ว่า จากกราฟตัวชี้วัดจะสัมพันธ์กันสมบูรณ์เมื่อตัวเลขเข้าใกล้หนึ่ง ขณะที่ตัวเลขต่ำกว่าศูนย์จะแสดงถึงความสัมพันธ์เชิงลบ
นอกจากนั้น ดูเหมือนว่า ทองคำ (Gold) และ Bitcoin มีความสัมพันธ์เชิงบวกในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แต่ค่าสหสัมพันธ์ต่ำมากและไม่ปรากฏว่ามีนัยสำคัญอะไร
กล่าวโดยสรุป ดูเหมือนว่า Bitcoin ไม่มีความสัมพันธ์กับตลาดหุ้นและทองคำทั้งคู่ นั่นหมายความว่าหากตลาดหุ้นล่มหรือทองคำร่วงฉับพลัน ราคา Bitcoin จะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก ทำนองเดียวกันเมื่อตลาดหุ้นหรือทองคำพุ่งขึ้น สินทรัพย์ที่ไม่มีความสัมพันธ์กันก็ไม่ส่งผลใด ๆ มากนักเช่นกัน
Bitcoin จะขึ้น ๆ ลง ๆ ตามจังหวะของตัวเอง ไม่ว่าตลาดอื่นจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
2. Bitcoin ไม่ตอบสนองต่อนโยบายของธนาคารกลาง
สื่อกระแสหลักเชื่อว่า การตัดสินใจของธนาคารกลาง (Federal Reserve, Fed) มีผลกระทบต่อคริปโตเคอร์เรนซีชั้นนำ ยกตัวอย่างเช่น การลดอัตราดอกเบี้ยและมาตรการกระตุ้นซื้อตั๋วคงคลังจำนวนมาก (ไม่ใช่ QE) ส่งผลให้ Bitcoin พุ่งขึ้น เหตุผลเนื่องจากคริปโตเคอร์เรนซีเป็นกระบวนทัศน์ใหม่ที่ธนาคารกลางนำมาใช้งานป้องกันความเสี่ยง
ไม่มีอะไรยืนยันความจริงนี้ในอนาคตนอกจากความจริง
ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่าน Fed ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้ง ยิ่งไปกว่านั้นธนาคารก็ยังขยายงบดุล ในช่วงหลายเดือนที่ Fed ออกนโยบายใหม่ ๆ ออกมา ราคา Bitcoin ร่วงกว่า 33% บ่งชี้อย่างชัดเจนว่า Bitcoin ไม่ได้รับผลกระทบจาก Fed เลย อย่างน้อยก็แค่สื่อกระแสหลักตีข่าวกันเอง
3. ผลตอบแทนรายปีของ Bitcoin นำหน้าการลงทุนรูปแบบเดิม
เมื่อสื่อกระแสหลักตีข่าว Bitcoin ส่วนใหญ่เล่นข่าวเกี่ยวกับราคาคริปโตเคอร์เรนซีและความผันผวน ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา พาดหัวข้อข่าวเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซีชั้นนำร่วงหนักแพร่หลายในอินเทอร์เน็ต กรณีข่าวสินทรัพย์ดิจิทัลมีการใช้งานอย่างแพร่หลายและผลตอบแทนรายปีดีกว่าหุ้นมากแทบจะไม่มีปรากฏให้เห็นเลย
ตัวอย่างเช่น เมื่อวันจันทร์ นักลงทุนรายใหญ่โอนเงินคริปโตจำนวน 44,000 BTC มูลค่าราว $310 ล้านดอลลาร์ไปยัง wallet อื่น ค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรมน่าประทับใจมาก เพียงแค่ $0.32 ดอลลาร์เท่านั้น ต่ำมาก ๆ
หากใช้วิธีแบบเก่า อย่างเช่น Western Union โอนเงินมูลค่า $310 ล้านดอลลาร์ คุณต้องจ่ายมากถึง $6 ล้านดอลลาร์ นี่คือการพัฒนาที่สามารถช่วยให้ผู้คนประหยัดเงินได้มาก แต่สื่อกระแสหลักไม่ยอมนำเสนอ แต่กลับแพร่ข่าวทำให้คนเกิดความกลัว ความไม่แน่ใจ และความสับสน (FUD) เกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซีชั้นนำแทน
ที่มา : ccn.com
——————————————————–
สนับสนุนโดยกลุ่ม Coin Thai Talk : https://www.fb.com/groups/CoinThaiTalk/ กลุ่มใหม่ของคนรักคริปโต