เมื่อเร็ว ๆ นี้ Max Keiser นักลงทุน Wall Street และคลั่ง Bitcoin มาก เคลมว่า Bitcoin กำลังกลับมาโดดเด่น ส่วนแบ่งตลาดมุ่งสู่ 80% และ altcoin กำลังจะตาย ส่งผลให้สาธารณะหันไปยังสินทรัพย์ดิจิทัลตัวอื่นและเปลี่ยนเป็น BTC แทน
Keiser ประกาศมุมมองล่าสุดของเขาผ่าน Twitter เมื่อวันที่ 6 สิงหาคม
#Bitcoin ส่วนแบ่งตลาดโดดเด่น 68.2% กำลังมุ่งสู่ 80% เนื่องจาก altcoin กำลังจะตายและ BTC จะแทนที่ ในช่วงปี 2014-2017 เป็นยุคของ altcoin และการทำ hard fork สิ้นสุดลงแล้ว อย่าเป็นคนสุดท้ายที่เปลี่ยนจาก altcoin สู่ BTC
ข้อมูลตารางสรุปล่าสุดจาก Coin360 ปัจจุบัน BTC มีส่วนแบ่งตลาดราว ๆ 69.2% มูลค่าราคาตลาดอยู่ที่ $210,422,145,970 จากทั้งหมด ($303,923,701,331)
ในประเด็นที่ Keiser อ้างว่า altcoin กำลังจะตาย เมื่อเร็ว ๆ นี้ ก็มีการวิเคราะห์จาก San Francisco Open Exchange (SFOX) กล่าวว่า เมื่อสิ่งเหล่านี้หากเข้ากันได้กับ Ether (ETH) ก็จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในรายงานของ SFOX ระบุเอาไว้ว่า BTC จะมีความสัมพันธ์กับ ETH มากกว่าเหรียญ altcoin อื่น ๆ และยังเสริมอีกว่า
สิ่งนี้อาจสนับสนุนแนวคิดที่ว่า Ethereum กำลังเป็นตัวของตัวเองในฐานะบล็อกเชนที่ได้รับการยอมรับจากสาธารณะว่าเป็นสินทรัพย์มีค่าในตัวเองเช่นเดียวกับ Bitcoin หากเทรนด์ยังดำเนินต่อไป มันอาจจะไม่เหมาะที่จะจัดหมวดหมู่ให้ Ethereum เป็น ‘altcoin’ เมื่อเทียบกับสินทรัพย์ดิจิทัลตัวอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ Bitcoin
การทำนายอื่น ๆ จาก Max Keiser
ก่อนหน้านี้ Cointelegraph เคยรายงาน เมื่อวันที่ 3 สิงหาคม Keiser ได้ทำนายราคา BTC ผ่านทาง Twitter ว่ายังอยู่ในขาขึ้น และเชื่อว่า BTC จะแตะถึง $15,000 ภายในสัปดาห์นี้อีกด้วย
ฉันกำลังรู้สึกว่า #Bitcoin จะวิ่งข้ามราคา $15,000 ไปได้ภายในสัปดาห์นี้ ความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลกลาง ธนาคาร และเงินตราที่รวมศูนย์ นั้นต่ำมาก
อย่างไรก็ตามหลายคนอาจไม่ยอมรับข้ออ้างที่ว่า ความเชื่อมั่นจากสาธารณะต่อรัฐบาลและสถาบันทางการเงินแบบรวมศูนย์ต่าง ๆ นั้นต่ำมาก ขณะเดียวกัน Jeremy Allaire ซีอีโอ Circle ก็ให้ความเห็นคล้าย ๆ กันนี้ในประเด็นความสับสนวุ่นวายทางการเมืองผลักดันให้BTC เติบโตขึ้นมาก
คุณสามารถเห็นความสัมพันธ์ของมหภาคชัดเจนมากขึ้น ฉันคิดว่าสาระสำคัญที่คุณรู้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับ Bitcoin คริปโตมีส่วนร่วมในระดับมหภาคทั่วโลกมากขึ้นและมีความชัดเจนมากขึ้นเรื่อย ๆ ความเป็นชาตินิยมรุนแรงขึ้น ความขัดแย้งทางสกุลเงินอุบัติขึ้น รวมถึงสงครามทางการค้า สิ่งเหล่านี้ล้วนสนับสนุนสินทรัพย์ที่ไม่มีอำนาจอธิปไตย นั่นคือ สินทรัพย์มีค่าที่มีความปลอดภัยสูง นั่นเอง
ที่มา : cointelegraph.com